นิวส์ คอนเน็คท์ – TOP ชี้ ธุรกิจการกลั่นในไตรมาส 2/63 มีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวดีกว่าไตรมาส 1/63 หลังราคาน้ำมันดิบเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น พร้อมปรับลดค่าใช้จ่าย 2,000-2,500 ล้านบาท ลดกำลังการผลิตน้ำมันอากาศยาน รับมือวิกฤติโควิด-19

นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP เปิดเผยว่า ธุรกิจการกลั่นไตรมาส 2/63 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/63 แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะขาดทุนสต็อกน้ำมันอีกหรือไม่ หลังจากราคาน้ำมันดิบลงมาต่ำสุดในช่วงเดือนเมษายน 63 ซึ่งในภาพรวมของไตรมาส 2 ต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่อง เพราะอุปทานน้ำมันดิบที่ยังคงล้นตลาด ส่วนในช่วงครึ่งหลังปี 63 ธุรกิจการกลั่นคาดว่าตลาดจะได้รับแรงหนุนจากนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของหลายประเทศทั่วโลก

สำหรับราคาสารพาราไซลีนในช่วงไตรมาส 2/63 คาดการณ์ว่าจะปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/63 เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซิน 95 ที่อ่อนตัวลงอย่างมากตามราคาน้ำมันดิบ ประกอบกับตลาดยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ในช่วงฤดูร้อนของประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย ที่จะนำสารพาราไซลีนไปใช้ในอุตสาหกรรมปลายน้ำในการผลิตขวดน้ำดื่ม อย่างไรก็ตาม อุปสงค์การบริโภคของผลิตภัณฑ์ปลายน้ำอย่างเสื้อผ้าในภูมิภาคเอเชีย คาดว่ายังได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ประกอบกับกำลังการผลิตของโรงผลิตสารพาราไซลีนในประเทศจีนที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้มีอุปทานออกมากดดันตลาดอย่างต่อเนื่อง

พร้อมกันนี้ จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นั้นส่งผลกระทบต่อธุรกิจโรงกลั่น ดังนั้น TOP จึงได้ดำเนินการปรับลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ไม่จำเป็นราว 20-25% หรือลดลงประมาณ 2,000-2,500 ล้านบาท จากปกติส่วนนี้มีประมาณ 10,000 ล้านบาทต่อปี ขณะเดียวกัน บริษัทได้มีการปรับเปลี่ยนการผลิตน้ำมันอากาศยานที่เป็นสัดส่วนผลิต 20% ของกำลังผลิตรวม โดยปรับมาผลิตเป็นน้ำมันดีเซลราวเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ จากที่ราคาน้ำมันตกต่ำในช่วงที่ผ่านมาทำให้ส่วนต่างราคาปิโตรเคมี พาราไซลีน ของบริษัทปรับตัวดีขึ้น

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews