Phones





BAY ส่องค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง

2020-06-29 16:16:17 280




นิวส์ คอนเน็คท์ – BAY คาดเงินบาทซื้อขายในกรอบ 30.75-31.10 มองบาทมีแนวโน้มแข็งค่า แม้สินทรัพย์เสี่ยงผันผวนสูง ขณะที่คาดการณ์กนง.จะคงดอกเบี้ยที่ 0.50% ตลอดช่วงที่เหลือของปีนี้ หลังเศรษฐกิจมีความเปราะบาง


เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2563 นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการ ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า ทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ประเมินว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.75-31.10 ต่อดอลลาร์เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 30.90 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 5 เดือน หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.50% ตามคาด โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย 1.1 หมื่นล้านบาท และ 4.8 พันล้านบาท ตามลำดับ


ทั้งนี้ นักลงทุนจะติดตามสถานการณ์ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่สูงขึ้นในต่างประเทศ รวมถึงการเปิดเผยรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร หลังจากสหรัฐฯ ยืนยันว่าข้อตกลงการค้ากับจีนยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง แม้ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวสร้างความสับสนให้กับตลาดในช่วงสั้นๆ โดยประเมินว่าความเปราะบางของการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงจะช่วยชะลอแรงขายดอลลาร์ในระยะนี้ อย่างไรก็ตาม ผลกระทบต่อค่าเงินบาทอาจถูกจำกัดหากราคาทองคำยังคงไต่ระดับสูงขึ้น ส่งผลให้เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น


สำหรับปัจจัยในประเทศ กนง.คงดอกเบี้ยด้วยมติเอกฉันท์ แต่ลดคาดการณ์จีดีพีปี 63 เป็นหดตัว 8.1% จากเดิมคาดว่าติดลบ 5.3% และปรับเพิ่มประมาณการจีดีพีปี 2564 เป็น 5% จากเดิมคาดว่าจะเติบโต 3% และปรับลดคาดการณ์การส่งออกปี 2563 เป็นหดตัว 10.3% จากเดิมคาดว่าจะติดลบ 8.8% พร้อมประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะเพิ่มขึ้นเพียง 1 ล้านคน ทำให้ทั้งปีร่วงลงราว 80% จากปีก่อนหน้า ขณะที่กนง.ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังแต่ยังคงหดตัว ทางด้านเสถียรภาพระบบการเงินเปราะบางมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ธนาคารพาณิชย์ยังแข็งแกร่งแต่ในระยะข้างหน้าต้องเตรียมพร้อมรับผลกระทบจากโควิด-19


นอกจากนี้ ทางการกังวลต่อเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นและจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดรวมทั้งประเมินความจำเป็นของมาตรการที่เหมาะสมเพิ่มเติม ซึ่งจากท่าทีโดยรวมคาดว่ากนง.จะคงดอกเบี้ยที่ 0.50% ตลอดช่วงที่เหลือของปีนี้ ส่วนยอดส่งออกและนำเข้าเดือนพฤษภาคมที่หดตัวเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 62 ในอัตรารุนแรงถึง 22.5% และ 34.4% ตามลำดับ สะท้อนความไม่แน่นอนสูงผนวกกับอุปสงค์ภายในที่อาจทรุดตัวยาวนานกว่าคาด ทำให้มองว่าการเยียวยาที่ตรงจุดและประสิทธิผลของมาตรการด้านการคลังการเงินและเครื่องมือที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยนโยบายจะมีความสำคัญอย่างมากต่อการพยุงตลาดแรงงานในเวลานี้


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews