Phones





กรมเชื้อเพลิงฯย้ำปตท.สผ.เข้าพื้นที่เอราวัณได้ไตรมาส3

2020-07-22 16:16:24 719



นิวส์ คอนเน็คท์ - กรมเชื้อเพลิงฯ ลั่นเปิดทางให้ปตท.สผ.เข้าพื้นที่แหล่งเอราวัณติดตั้งแท่นผลิตได้ไตรมาส3 นี้ พร้อมเปิดประมูลแหล่งปิโตรเลียมรอบ23 รอรวม.พลังงานคนใหม่เคาะ TOR ชี้ราคาน้ำมันลดทำรัฐศูนย์เสียค่าภาคหลวง20%


เมื่อเร็วๆ นี้ นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้ กรมเชื้อเพลิงฯ อยู่ระหว่างประสานนัดหมายกำหนดวันเพื่อหารือร่วมกัน 3 ฝ่าย ระหว่างบริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ในฐานะผู้ดำเนินการ (Operator) แหล่งเอราวัณในปัจจุบัน บริษัท ปตท.สผ.เอนเนอร์ยี่ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP ในฐานะผู้ดำเนินการ (Operator) รายใหม่ และกรมเชื้อเพลิงฯ ในฐานะหน่วยงานกลาง เพื่อให้บรรลุข้อตกลงเข้าพื้นที่ (Site Access Agreement) ระยะที่ 2 ระหว่าง เชฟรอนฯ และ ปตท.สผ. ซึ่งจะเปิดทางให้ ปตท.สผ. สามารถเข้าพื้นที่แหล่งเอราวัณ ได้ตามแผนงานในช่วงไตรมาส3/63 ที่จะมีกิจกรรมการติดตั้งแท่นหลุมผลิต และการเจาะหลุมผลิตบนแท่นใหม่ เป็นต้น


ส่วนการเปิดสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบที่ 23 นั้นปัจจุบันจัดทำแผนพร้อมทั้งรายละเอียดเงื่อนไขประประกวดราคา (TOR) ไว้หมดแล้วรอเพียงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานคนใหม่เข้ามาดำเนินงานต่อหากไม่มีการแก้ไขอะไรก็คาดว่าจะสามารถดำเนินการเปิดประกวดราคาได้ภายในปีนี้อย่างแน่นอน แต่ก็ต้องดูว่าจะมีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รอบ 2 หรือไม่ เพราะหากระบาดรอบ 2 ก็จะส่งผลให้ผู้ประกอบการที่อยู่ต่างประเทศที่สนใจร่วมประกวดราคาเดินทางลำบาก


สำหรับสถานการณ์ความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติในประเทศ พบว่า ช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-มิ.ย.63) ลดลงเหลือประมาณกว่า 4,000 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากปกติอยู่ที่ประมาณกว่า 5,000 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งในส่วนนี้สะท้อนต่อความต้องการใช้ก๊าซฯ ในอ่าวไทย ลดลงเหลือ ประมาณ 2,300 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน จากปกติใช้อยู่ประมาณ 2,500 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ซึ่งเป็นไปตามการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลให้การใช้พลังงานในประเทศลดลง โดยเฉพาะความต้องการใช้ไฟฟ้าในภาคอุตสาหกรรมที่ชะลอลง เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ เป็นต้น


ขณะที่ความต้องการใช้ก๊าซฯเพื่อผลิตไฟฟ้ายังลดลงไม่มากนัก อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมา บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ก็ได้บริหารจัดการเรียกรับก๊าซฯจากผู้รับสัมปทานแหล่งต่างๆ เท่าที่จำเป็น หรือตามเงื่อนไขสัญญารับก๊าซฯขั้นต่ำ เพื่อไม่ให้กระทบต่อสัญญาซื้อขายก๊าซธรรมชาติหลัก หรือ Global DCQ ทั้งกับผู้รับสัมปทานในอ่าวไทย และผู้รับสัมปทานแหล่งก๊าซฯ จากเมียนมาร์ และต้องไม่ให้เกิดภาระไม่ได้ใช้ก็ต้องจ่ายเงิน (Take or Pay) ด้วยรวมถึง ก็ได้จัดหาและนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) ในช่วงที่ตลาดโลกราคาต่ำ เข้ามาเฉลี่ยต้นทุนราคาก๊าซฯในประเทศให้ถูกลงด้วย ซึ่งคาดว่า ในปีนี้ มีโอกาสที่ ปตท. จะนำเข้า LNG ในรูปแบบตลาดจร(Spot) ได้ครบตามแผน 11 ลำ


ส่วนแนวโน้มความต้องการใช้ก๊าซฯในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เบื้องต้น ประเมินว่ามีทิศทางทรงตัว แต่ก็ต้องรอติดตามการฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจหลังผ่านสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ด้วย ซึ่งหากกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมามากขึ้น ก็จะส่งผลให้ความต้องการใช้ก๊าซฯเริ่มกลับมาด้วย


แหล่งข่าวกระทรวงพลังงาน ประเมินว่า แนวโน้มราคาก๊าซฯในอ่าวไทย ที่ถูกลงต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา จากระดับเกือบ 200 บาทต่อล้านบีทียู ลดลงมาเหลือประมาณ 160-170 บาทต่อล้านบีทียู และมีจะลดลงอีกมากในช่วงเดือน ต.ค.ปีนี้ รวมถึง ราคาน้ำมันดิบที่ลดลงอย่างมาก จากระดับกว่า 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงต้นที่ ลดลงไปต่ำสุดอยู่ที่ราว 19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ก่อนขึ้นมาอยู่ในระดับกว่า 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปัจจุบัน จะส่งผลกระทบต่อรายได้กิจการปิโตรเลียม ปี 2563 โดยคาดว่า ค่าภาคหลวง จะลดลงประมาณ 20% จากปี 62 ที่ทำรายได้ส่งเข้ารัฐ ประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาท


 


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews