นิวส์ คอนเน็คท์ - STEC เผย ป.ป.ช. แจ้งผลไม่ดำเนินคดีอาญา หลังหลักฐานไม่สมบูรณ์พอที่จะดำเนินคดีเรือลำเลียงชิ้นส่วนอุปกรณ์ก่อสร้างโรงไฟฟ้า เดินหน้าดึงความเชื่อมั่นนักลงทุน-สถาบันหวนกลับมา ปั้นรายได้วิ่งสู่ 3.7-3.8 หมื่นล้านบาท

เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2564 นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STEC เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจจากนี้จะดึงความเชื่อมั่นและความศรัทธาของนักลงทุน รวมถึงสถาบันกลับมาได้ ภายหลังจากที่คณะกรรมการป้องและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้แจ้งผลการไม่ดำเนินคดีอาญากับบริษัทฯ กรณี ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดฐานเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนในการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อแลกกับการอนุญาตให้เรือลำเลียงชิ้นส่วนอุปกรณ์ก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากต่างประเทศเข้าเทียบ ท่าเทียบเรือในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมที่อำเภอขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อปี 2562 ซึ่งบัดนี้ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า คดีมีพยานหลักฐานไม่สมบูรณ์พอที่จะดำเนินคดีอาญาฟ้อง STEC , นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ และนายราเกส กาเลีย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการส่วนงานปฏิบัติการ

โดยภายในวันที่ 10 มี.ค. 64 ทางบริษัทฯ เตรียมที่จะโรดโชว์ร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์ ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด และภายหลังจากนั้น จะร่วมกับสถาบันรายอื่นๆ ต่อไป เพื่อหวังให้ข้อมูลแก่นักลงทุนเข้าใจโดยทั่วกัน

สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 64 บริษัทมั่นใจรายได้จะอยู่ที่ 37,000-38,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ประมาณ 36,000 ล้านบาท ผลมาจากการรับรู้งานในมือ (Backlog) ที่มีอยู่ประมาณ 100,000 ล้านบาท โดยสัดส่วนแบ่งเป็นงานเอกชน 70% และหน่วยงานภาครัฐ 30% โดยช่วงที่ผ่านมา มีงานที่บริษัทชนะการประมูลพร้อมรอเซ็นสัญญา มูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท นอกจากนั้น ยังมีแผนที่จะเข้าร่วมประมูลงานโครงการขนาดใหญ่ของทางภาครัฐทุกโครงการ โดยปีนี้คาดมีออกมามูลค่าราว 300,000-400,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทมั่นใจอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะอยู่ที่ 5% และอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 3-4% โดยมาจากการมุ่งเน้นงานที่ให้มาร์จิ้นสูง ประกอบกับงานก่อสร้างโครงการอาคารรัฐสภา จะสามารถส่งมอบงานทั้งหมดช่วงเดือนเม.ย.นี้

>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews