Phones





TATG เคาะราคา IPO 1.25 บาท เข้าเทรด mai ต้นเดือน ต.ค. นี้

2024-09-27 17:56:07 88



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - TATG เคาะราคา IPO หุ้นละ 1.25 บาท เปิดจองซื้อ  30 ก.ย. – 2 ต.ค. นี้ มั่นใจราคาเหมาะสม แผนการเติบโตชัดเจน หนุนนักลงทุนตอบรับดีเยี่ยม โดยแผนการระดมทุนใช้จัดซื้อเครื่องจักร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและลดต้นทุน นอกจากนี้ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ และชำระคืนเงินกู้
 
เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567 นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย จำกัด (มหาชน) หรือชื่อย่อหลักทรัพย์ TATG เปิดเผยว่า TATG
ได้กำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่หุ้นละ 1.25 บาท เตรียมเปิดให้นักลงทุนจองซื้อในวันที่ 30 ก.ย. – 2 ต.ค. 2567 โดยหุ้น TATG จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม (INDUS)
 
สำหรับราคาหุ้น TATG ที่เสนอขายหุ้นละ 1.25 บาท คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ภายหลังการเสนอขายหุ้น (Fully Diluted) เท่ากับ 5.2 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2566 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2567 โดยมอง TATG เป็นอีกหุ้นน้องใหม่ที่มีความน่าสนใจ ด้วยราคาที่กำหนดไว้มีความเหมาะสม มีศักยภาพการเติบโตของธุรกิจเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรม ภายหลังระดมทุนบริษัทฯพร้อมที่จะนำเงินไปใช้เสริมศักยภาพในการดำเนินธุรกิจตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้
 
ด้านดร.พยุง ศักดาสาวิตร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทย ออโต ทูลส์ แอนด์ ดาย จำกัด (มหาชน) หรือ TATG กล่าวว่า บริษัทพร้อมเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เพื่อยกระดับองค์กรสู่มาตรฐานสากล และเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน ในฐานะผู้ผลิตแม่พิมพ์โลหะ อุปกรณ์จับยึด และผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ ที่สามารถให้บริการลูกค้าแบบครบวงจร การเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 115.8 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) นำไปใช้ลงทุนเครื่องจักรเพิ่มเติมในกลุ่มบริษัท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการดำเนินธุรกิจของบริษัท และบริษัทย่อย รวมทั้งใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมให้กับสถาบันการเงิน
 
โดยกลุ่มบริษัทมีแผนการลงทุนเครื่องจักรการผลิตเพิ่มเติม ครอบคลุมทั้งระบบที่ควบคุมด้วยบุคคล (Manual Control) และระบบอัตโนมัติที่ควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ (Automatic Control) เพื่อให้กลุ่มบริษัทฯ สามารถผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งการผลิตปริมาณมาก และการผลิตที่เน้นความพิถีพิถันสูง เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและควบคุมการผลิตให้ดีขึ้น ตอบสนองกับความต้องการของลูกค้า
 
ทั้งนี้ บริษัทให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนาสำหรับงานด้านการออกแบบและผลิตเครื่องมือกล (Tooling) เพื่อสนับสนุนให้บริษัทฯ สามารถออกแบบแม่พิมพ์และสามารถผลิตชิ้นส่วนที่มีคุณภาพให้เป็นไปตามที่ลูกค้ากำหนด รวมถึงการเตรียมความพร้อมสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่อัตราการแข่งขันอาจจะเพิ่มขึ้นในอนาคต และยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของบริษัทฯ ในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์สมัยใหม่ในอนาคต ตอกย้ำให้ TATG เป็นบริษัทชั้นนำของคนไทย ที่สามารถแข่งขันกับผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จากต่างประเทศ
 
สำหรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่ ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2567 และภายหลังการเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนทั่วไปในครั้งนี้ ประกอบด้วยกลุ่มศักดาสาวิตร จำนวน 134.04 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนก่อนและหลัง IPO อยู่ที่ 44.68% และ 33.51% ตามลำดับ กลุ่มหฤทัย 100.80 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนก่อนและหลัง IPO 33.60% และ 25.20% ตามลำดับ กลุ่มเหล่าสินชัย 37.20 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนก่อนและหลัง IPO 12.40% และ 9.30% ตามลำดับ และกลุ่มพนักงาน 27.96 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนก่อนและหลัง IPO 9.32% และ 6.99% ตามลำดับ ทั้งนี้ บริษัทฯ มีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
 
ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2567 บริษัท มีรายได้รวม 1,340.11 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิเท่ากับ 45.87 ล้านบาท ในขณะที่งวดปี 2566 บริษัทมีรายได้รวมและกำไรสุทธิเท่ากับ 3,002.91 ล้านบาท และ 47.86 ล้านบาท ตามลำดับ ทั้งนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิย้อนหลัง 4 ไตรมาสเท่ากับ 89.27 ล้านบาท ทิศทางรายได้ของบริษัทมีแนวโน้มปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากลูกค้าของกลุ่มบริษัททยอยกลับมาทำการตลาดเพื่อวางแผนสำหรับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ มากขึ้น อีกทั้ง กลุ่มบริษัทได้วางแผนและเตรียมความพร้อมสำหรับการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์และแม่พิมพ์โลหะ ซึ่งรวมถึงการลงทุนในเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความรวดเร็วในการผลิต ลดต้นทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ที่จะสนับสนุนให้ TATG สามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน และรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต