Phones





ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง IDG ขาย IPO 28 ล้านหุ้นเข้า mai

2025-06-09 11:26:26 73



นิวส์ คอนเน็คท์ - ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง บมจ. อินดิจี หรือ IDG เตรียมเสนอขายหุ้นไอพีโอ 28 ล้านหุ้น และมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ภายในปีนี้ เตรียมใช้เงินที่ได้จากการระดมทุน เพื่อการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ขยายสำนักงานและศูนย์บริการธุรกิจดิจิทัล และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจในยุคดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว

เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2568 นายกิตติชัย นาคะประเสริฐกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ สำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งไฟลิ่ง อนุมัติแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ ของ บริษัท อินดิจี จำกัด (มหาชน) หรือ IDG ที่ได้ยื่นขอเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 28,000,000 หุ้น คิดเป็น 28.00% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในครั้งนี้ โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (Par) หุ้นละ 0.50 บาท พร้อมเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี (Technology) ภายในปี 2568

สำหรับ IDG ประกอบธุรกิจที่ปรึกษา ด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation) และพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม (Digital Platform) แบบครบวงจร โดยใช้เทคโนโลยีชั้นนำที่ทันสมัย มาวางโครงสร้างพื้นฐานทางธุรกิจให้กับลูกค้า ภายใต้แนวคิด “Simplify Work, Amplify Innovation” โดยบริษัทฯ มีความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรมด้านการทำงานที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพองค์กร และเสริมศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจในยุคดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ด้วยศักยภาพและความเชี่ยวชาญที่ครอบคลุม ทำให้บริษัทฯ สามารถออกแบบโซลูชันที่มีประสิทธิภาพตอบโจทย์ความต้องการทางธุรกิจ พร้อมบูรณาการการทำงานกับระบบคลาวด์ โครงสร้างพื้นฐาน IT และแอปพลิเคชันที่หลากหลายภายในองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ
นายวิธาน ฉั่วเจริญศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IDG ผู้ดำเนินธุรกิจที่ปรึกษาด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันแบบครบวงจร และผู้พัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลสำหรับองค์กร เดินหน้าเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วย 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.การจำหน่ายซอฟต์แวร์ 2.การให้บริการให้คำปรึกษา การพัฒนาระบบ การให้บริการบำรุงรักษาระบบและซอฟต์แวร์ และ 3.การให้บริการอื่น ๆ 

โดยบริษัทฯ มีความเชี่ยวชาญในกลุ่มเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ช่วยให้องค์กรสามารถบริหารทรัพยากรและกระบวนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในทุกมิติ พร้อมรองรับการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก เพื่อผลักดันการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันขององค์กรในระยะยาว และในครั้งนี้นับว่าเป็นความภาคภูมิใจอย่างยิ่งที่บริษัทฯ พร้อมก้าวสู่การเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เพื่อเสริมสร้างศักยภาพทางธุรกิจ ขยายฐานลูกค้า และรองรับการเติบโตในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล โดยมีเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านที่ปรึกษา และพัฒนาโซลูชันดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันระดับสากล ที่องค์กรชั้นนำไว้วางใจ

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานตลอด 3 ปีที่ผ่านมา (2565-2567) มีรายได้รวม 125.95 ล้านบาท 115.01 ล้านบาท และ 127.26 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่กำไรสุทธิ อยู่ที่ 22.58 ล้านบาท 11.09 ล้านบาท และ 15.22 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรา 17.93%, 9.64% และ 11.96% ของรายได้รวมในงวดเดียวกัน ตามลำดับ 

และในงวด 3 เดือนแรกของปี 2567 และ 2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิจำนวน 5.37 ล้านบาท และจำนวน 5.44 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรา 16.92% และ 15.86% ของรายได้รวมในงวดเดียวกัน ตามลำดับ โดยคิดเป็นโครงสร้างรายได้ 4 ประเภท ได้แก่ 1.รายได้จากการขายซอฟต์แวร์ 2.รายได้จากการบริการพัฒนาระบบดิจิทัล 3.รายได้จากค่าบริการบำรุงรักษาระบบและซอฟต์แวร์ 4. รายได้จากค่าบริการอื่นๆ โดยการเติบโตของรายได้และกำไร เกิดขึ้นจากผลิตภัณฑ์ที่บริษัทฯ เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจำหน่าย และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการลงทุนในเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่เติบโตเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในหลากหลายอุตสาหกรรม