Phones





IRPC วางกลยุทธ์การลงทุนรับผลกระทบโควิด

2020-07-03 17:34:27 273




นิวส์ คอนเน็คท์ – IRPC ปรับแผนระยะสั้น ระยะยาว วางกลยุทธ์รับมือผลกระทบโควิด-19 สงครามราคาน้ำมัน เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน คาดเกิดผลประโยชน์ให้บริษัทเพิ่มกว่า 5 พันล้านบาท


เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 นายนพดล ปิ่นสุภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า จากผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เกิดจากสงครามราคาน้ำมัน ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว IRPC จึงได้ปรับแผนการดำเนินงานทั้งระยะสั้น และระยะยาว โดยกำหนดกลยุทธ์การดำเนินงานใหม่เพื่อรับมือกับปัจจัยดังกล่าว


โดยในระยะสั้นในปี 63 ได้ดำเนินการตามแผน Growth Strategy ประกอบด้วย โครงการขยายพลาสติก ABS เพื่อให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 6,000 ตันต่อปีในปี 63 และการร่วมทุนกับบริษัท บริษัท เจแปน โพลิโพรพิลีน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (JPP) เพื่อเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 50% ของบริษัท ไมเท็กซ์ โพลิเมอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (Mytex Thailand) ผู้ผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกชนิดพิเศษพีพีคอมพาวด์ (Polypropylene Compound: PP Compound) สำหรับอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทน ผ่านโครงการโซลาร์ลอยน้ำขนาด 12.5 เมกะวัตต์ ซึ่งการดำเนินงานตามแผนระยะสั้นคาดว่าจะสามารถสร้างผลประโยชน์ให้บริษัทได้เพิ่ม 200 ล้านบาท


นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการตามแผน Productivity Improvement คาดว่าจะช่วยให้เกิดผลประโยชน์เพิ่มขึ้นราว 1.2 พันล้านบาท ซึ่งประกอบด้วย การดำเนินโครงการ E4E เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสร้างกำไรส่วนเพิ่มจากการดำเนินธุรกิจทั่วทั้งองค์กร และโครงการ IRPC 4.0 ซึ่งนำระบบดิจิทัลที่ทันสมัยมาประยุกต์ใช้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานขององค์กร


ส่วนแผนระยะยาว ดำเนินการตามแผน Strengthen IRPC คาดว่าจะช่วยให้เกิดผลประโยชน์กับ IRPC กว่า 3,000 ล้านบาท ผ่านการดำเนินกลยุทธ์ต่าง ๆ อาทิเช่น โครงการ Utra Clean Fuel Project (UCF) รองรับการผลิตน้ำมันตามมาตรฐานยูโร 5 ซึ่งจะสามารถผลิตเชิงพาณิชย์ได้ในปี 66 การเพิ่มช่องทางขนส่งน้ำมันทางท่อ การขุดลอกร่องน้ำท่าเรือ ทำให้รับเรือขนส่งน้ำมันขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อลดต้นทุนค่าขนส่งน้ำมันดิบ การเพิ่มกำลังผลิตของสินค้าที่ได้มูลค่าเพิ่มสูง เพื่อให้มีสัดส่วนรายได้เพิมขึ้นจากปัจจุบันที่55% เป็น 60%


การปรับปรุงประสิทธิภาพการกลั่นเพื่อให้รับน้ำมันจากตลาดอื่น นอกเหนือจากตลาดตะวันออกกลางเพื่อทำให้ต้นทุนต่ำที่สุด รวมทั้งมีแผนพัฒนาที่ดิน โดยจากที่ภาษีดินและสิ่งปลูกสร้างมีผลบังคับใช้แล้วก็ทำให้ บริษัทจ่ายภาษีที่ดินเพิ่มขึ้นไม่มากนักจาก 54 ล้านบาทเป็น 63 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีโครงการ Breakthrough เพื่อให้พนักงานเสนอแผนงาน ที่ไม่เกี่ยวข้องกับสายงาน เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับองค์กร เช่น โครงการลดการสำรองน้ำมันดิบ (Crude &Product Inventory) ช่วยลดต้นทุนของบริษัทประหยัดค่าใช้จ่ายได้ 1 พันล้านบาท ในช่วง 3 ปี (ปี 63-65)


ทั้งนี้ การดำเนินงานตามแผนระยะสั้น และระยะยาวที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน และรักษาความสามารถในการทำกำไรในช่วง 5 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าจะสร้างผลประโยชน์ให้บริษัทกว่า 5,000 ล้านบาท


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews