Phones





FETCO เผยดัชนีเชื่อมั่น3เดือนหน้าลดลง16%

2020-08-13 13:22:29 278




นิวส์ คอนเน็คท์ - FETCO คาดดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนหน้า ลดลง 16% หวังปัจจัยเศรษฐกิจในประเทศ ท่องเที่ยว นโยบายรัฐหนุน รวมถึงความคืบหน้าของการผลิตวัคซีนป้องกัน Covid-19


เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2563 นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (FETCO Investor Confidence Index) ประจำเดือนสิงหาคม 2563 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ตุลาคม 2563) ลดลง 16% มาอยู่ที่ระดับ 85.26 อยู่ในเกณฑ์ทรงตัวเหมือนเดือนก่อน เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังการเติบโตของเศรษฐกิจในประเทศเป็นปัจจัยหนุนมากที่สุด รองลงมาคือการฟื้นตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยว และนโยบายภาครัฐ รวมถึงความคืบหน้าของการผลิตวัคซีนป้องกัน Covid-19



สำหรับปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศ ปัจจัยรองลงมาคือ การถดถอยของเศรษฐกิจในประเทศและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน ส่วนปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม ได้แก่ การรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนทั้งของไทยและทั่วโลกที่อาจแย่กว่าคาดการณ์ รวมถึงการประกาศตัวเลข GDP ไตรมาสที่ 2/63 ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างจีนกับสหรัฐ รวมถึงการระบาดรอบสองของ Covid-19 ในหลายๆ ประเทศ


ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ได้แก่ ความเสี่ยงที่ไทยอาจถูกกระทรวงการคลังสหรัฐขึ้นบัญชีดำประเทศที่ต้องจับตาเรื่องการแทรกแซงอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ผลของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมากำลังทยอยหมดลง และผลจากการผ่อนคลายธุรกิจระยะที่ 6 ที่จะเริ่มเปิดให้ชาวต่างชาติบางกลุ่มเข้าประเทศไทยได้


ทั้งนี้ ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2563 SET Index ปิดที่ 1,328.53 ปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากเดือนมิถุนายน โดยดัชนีอยู่ในกรอบแคบๆ ระหว่าง 1,315—1,377 จุด หลังจากภาคธุรกิจเริ่มกลับมาดำเนินกิจการส่งผลให้มีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น การทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาสสองของภาคธนาคารซึ่งดีกว่าคาดการณ์ การรายงานข่าวความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนรักษา Covid-19 โดยมีปัจจัยฉุดในบางช่วงจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีน และสถานการณ์การเมืองในประเทศ


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews