Phones





ทอท.ย้ำเพาเวอร์แบงค์เกิน32,000mAhห้ามขึ้นเครื่อง

2020-09-24 12:52:35 413




นิวส์ คอนเน็คท์ - ทอท.ย้ำหลักเกณฑ์การนำแบตเตอรี่ลิเธียมสำรองขึ้นเครื่องบิน ขนาดที่มีความจุไฟฟ้ามากกว่า 32,000 mAh ไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องบินและโหลดใต้ท้องเครื่องบิน


เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2563 บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ซึ่งบริหารท่าอากาศยานหลัก 6 แห่งในประเทศไทย ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ขอความร่วมมือผู้โดยสาร ไม่นำแบตเตอรี่ลิเธียมสำรองที่มีค่าความจุไฟฟ้าเกินกว่ากำหนดขึ้นเครื่องบิน ซึ่งเป็นไปตามประกาศสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เรื่องหลักเกณฑ์การพาแบตเตอรี่ลิเธียมไปกับอากาศยาน พ.ศ.2559


โดยแบตเตอรี่ลิเธียมสำรองขนาดเล็กที่มีค่าความจุไฟฟ้าน้อยกว่าหรือเท่ากับ 100 Wh หรือ 20,000 mAh สามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องบินได้ แต่ไม่สามารถโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้, แบตเตอรี่ลิเธียมสำรองขนาดกลางที่มีค่าความจุไฟฟ้ามากกว่า 100 ถึง 160 Wh หรือ 20,000 ถึง 32,000 mAh สามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องได้คนละไม่เกิน 2 ชิ้น แต่ไม่สามารถโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้, แบตเตอรี่ลิเธียมสำรองขนาดใหญ่ที่มีค่าความจุไฟฟ้ามากกว่า 160 Wh หรือ 32,000 mAh ไม่อนุญาตให้นำขึ้นเครื่องบินและโหลดใต้ท้องเครื่องบิน นอกจากนี้ แบตเตอรี่ลิเธียมสำรองที่ไม่ระบุพลังงานไฟฟ้า วัตต์ - ชั่วโมง (Wh) หรือระบุขนาดบรรจุของลิเธียม หรือระบุไม่ชัดเจนไม่สามารถนำขึ้นเครื่องบิน หรือโหลดใต้ท้องเครื่องบินได้


อย่างไรก็ตาม หากผู้โดยสารมีความจำเป็นในการนำแบตเตอรี่ลิเธียมสำรองที่มีค่าความจุไฟฟ้ามากกว่าที่ กพท.กำหนดขึ้นเครื่องบิน ควรสอบถามรายละเอียดและแจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินที่ใช้บริการทราบล่วงหน้าในขณะที่ทำการสำรองที่นั่ง ทั้งนี้ ทอท.และท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่ง ได้ปฏิบัติตามประกาศของ กพท.เพื่อให้เป็นไปตามมาตรการการรักษาความปลอดภัยสูงสุดต่อผู้ใช้บริการและผู้โดยสารของ ทอท. โดยอยู่บนพื้นฐานของการให้บริการตามข้อกำหนดกฎระเบียบภายใต้องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) เพื่อรักษาระดับมาตรฐานความปลอดภัยของอุตสาหกรรมการบินของไทยให้เป็นสากล


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews