Phones





PTG เขียวขจี เป้าปี 64 โต 8-12%

2021-03-11 09:50:04 713



PTG เขียวขจี เป้าปี 64 โต 8-12% (สกู๊ปพิเศษ)



นอกจากผลงานของ PTG หรือ บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) ในปี 2563 จะทำสถิติตนิวไฮแล้ว ในปี 2564 ผู้บริหารของ PTG ยังมั่นใจว่า จะโตต่อเนื่อง โดยในปี 2563 PTG มีกำไรสุทธิ 1,906 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 343 ล้านบาท หรือ 22% จากปีก่อน และมีกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) 6,315 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,046 ล้านบาท หรือ 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น และการตลาดที่อยู่ในระดับปกติ ประกอบกับมีการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีรายได้จากการขายและการบริการรวม 104,423 ล้านบาท ลดลง 15,604 ล้านบาท หรือ 13% เนื่องจากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันโลก จากผลกระทบของการแพร่ระบาดไวรัสโควิด – 19 ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันเฉลี่ยลดลงถึง 16%


นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG ระบุว่า "บริษัทฯ ยังคงสามารถรักษาระดับการเติบโตสูงกว่าอุตสาหกรรมโดยรวม เนื่องจากปริมาณจำหน่ายน้ำมันโดยภาพรวมอยู่ที่ 34,837 ล้านลิตร หรือลดลง 1.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ขณะที่บริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นเบอร์ 2 ของประเทศ โดยมีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันอยู่ที่ 4,959 ล้านลิตร หรือเติบโต 5.9% จากปีก่อน ใกล้เคียงกับเป้าที่บริษัทฯ วางไว้ที่ 6-10% และในปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน 8-12% จากปีก่อนหน้า"



โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2564 มีมติอนุมัติให้เสนอต่อที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น เพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายปันผลประจำปี 2563 ในอัตรา 0.50 บาทต่อหุ้น จำนวน 1,670 ล้านหุ้น รวมเป็นเงินปันผล 835 ล้านบาท กำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 21 พ.ค. 2564


สำหรับแผนดำเนินงานในปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้ามี EBITDA เติบโต 10-15% เนื่องจากบริษัทฯ ยังคงเห็นโอกาสการเติบโตในอุตสาหกรรมน้ำมันภาพรวมต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มปริมาณการจำหน่ายน้ำมันปีนี้โต 8-12% รวมถึงปริมาณการจำหน่ายแก๊ส Auto LPG หรือแก๊สสำหรับรถยนต์ คาดว่าปีนี้จะเพิ่มขึ้น 15-20% ส่วนแก๊ส LPG สำหรับครัวเรือน จะเติบโตมากกว่า 100% จากการขยายสถานีบริการแก๊ส LPG เพิ่มขึ้น และการขยายการให้บริการแก๊สครัวเรือนให้ครอบคลุมมากขึ้น



โดยในปี 2564 บริษัทฯ ตั้งเป้าจะขยายสาขาการให้บริการทั้งธุรกิจน้ำมัน และธุรกิจที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน (Non-Oil) รวมเป็น 3,160 สาขา เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีสาขารวมทั้งหมด 2,850 สถานี โดยคาดว่าจะเพิ่มสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊มน้ำมัน) จากเดิม 1,888 สาขา เพิ่มเป็น 2,030 สาขา และสถานีบริการแก๊ส LPG เพิ่มขึ้นจาก 206 สาขา เป็น 260 สาขาภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงการขยายศูนย์บริการรวม (Touchpoint) ซึ่งเป็นธุรกิจ Non-Oil เช่น ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ได้แก่ ร้านกาแฟพันธุ์ไทย ร้านคอฟฟี่เวิลด์ ร้านสะดวกซื้อแมกซ์มาร์ท (Max Mart) รวมถึงศูนย์บริการซ่อมบำรุงรักษรถยนต์ออโต้แบคส์ (Autobacs) และอื่นๆ รวมเป็น 870 สาขา จากปี 2563 ที่มีศูนย์บริการรวม 756 สาขา ซึ่งหลักๆ จะเป็นการขยายสาขาของร้านกาแฟพันธุ์ไทย เพื่อให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น



โดยได้จัดเตรียมงบประมาณสำหรับการลงทุนกว่า 4,000-4,500 ล้านบาท สำหรับขยายธุรกิจทั้งในธุรกิจหลัก ธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน รวมถึงธุรกิจใหม่ ซึ่งคาดว่างบสำหรับการขยายสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส LPG อยู่ที่ 3,000-3,500 ล้านบาท ลงทุนในธุรกิจ Non-Oil จำนวน 500 ล้านบาท ได้แก่ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และที่เหลืออีกประมาณ 500 ล้านบาท เป็นการลงทุนในธุรกิจใหม่


“ในปี 2564 นี้ บริษัทฯ มีเป้าเพิ่มที่จะเพิ่มปริมาณการจำหน่ายน้ำมันโต 8-12% จากการเพิ่มสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส LPG อีก 100-150 สาขา รวมถึงขยายการให้บริการธุรกิจแก๊ส LPG ครัวเรือน จากการเพิ่มสาขาการให้บริการ Gas Shop อีก 50 สาขา เนื่องจากมีแผนที่เพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายแก๊ส LPG ครัวเรือนให้มีสัดส่วน 40-50% ของปริมาณการจำหน่ายแก๊ส LPG ทั้งหมด และในส่วนของธุรกิจ Non-Oil ตั้งเป้าที่จะเพิ่มสาขา Non-Oil อีก 100-150 สาขา เพื่อให้บริการที่หลากหลายและครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยตั้งงบลงทุนไว้ประมาณ 4,000-4,500 ล้านบาท” นายพิทักษ์ กล่าว



>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews