Phones
หน้าแรก
Stock
เศรษฐกิจมหภาค
แบงก์ - Finance
อสังหาริมทรัพย์ - Marketing
ประกัน - ท่องเที่ยว
Variety
สกู้ป พิเศษ
SET
TEGH ลุยแปรสภาพ ‘TEBP’ ส่งประกวดตลาด mai
MAI
KJL เขย่าตลาดไฟฟ้า! เปิดตัว “Pull Box ชุบกัลวาไนซ์”
IPO
‘BKA’ ฮอต หุ้น IPO 60 ล้านหุ้น ขายเกลี้ยง
บล./บลจ
Webull ส่ง ‘Daily Interest’ รับมือตลาดผันผวน
เศรษฐกิจ-การเงิน-การคลัง
BAY ชี้เงินบาทเคลื่อนไหวแข็งค่า จับตาบอนด์สหรัฐ
การค้า - พาณิชย์
บสย. โชว์ผลงานไตรมาส 1/68 ลุยปลดล็อก SMEs
พลังงาน - อุตสาหกรรม
SCB EIC ส่องอุตฯน้ำมันปาล์มสดใส ราคาน้ำมันปาล์มดิบพุ่ง 6.6%
คมนาคม - โลจิสติกส์
WSOL ส่ง SABUY Speed ชิงส่วนแบ่งตลาดขนส่ง 5%
แบงก์ - นอนแบงก์
CIMBT โชว์กำไรสุทธิ Q1/68 โต 33.9% แตะระดับ 838 ล.
ไฟแนนซ์ - ลิสซิ่ง
‘กรุงศรี มอเตอร์ไซค์’ ครองแชมป์สินเชื่อสองล้อ ดันยอดสินเชื่อโต 10%
SMEs - Startup
KBTG ร่วมสนับสนุนโครงการ AHA ของ MIT Media Lab
ประกันภัย - ประกันชีวิต
“เมืองไทยประกันชีวิต” คลอดแคมเปญ “ShieldLife”
รถยนต์
GPI ลุยธุรกิจใหม่จัดอีเวนต์ด้าน Sport สู่กลุ่มเด็ก
ท่องเที่ยว
SCB EIC หวั่น Aftershock สะเทือนท่องเที่ยวไทย
อสังหาริมทรัพย์
SAM ฉลอง 25 ปี คิกออฟมาตรการพิเศษช่วยลูกค้าทุกกลุ่ม
การตลาด
CardX ลุยช่วยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว
CSR
KBTG ร่วมสนับสนุนโครงการ AHA ของ MIT Media Lab
Information
บสย. หารือสมาคมธุรกิจเช่าซื้อไทย ปลุกยอดค้ำประกัน “กระบะพี่ มีคลังค้ำ”
Gossip
บ้านปู ชวนร่วมงาน “ดีค้าบ เฟสติวัล”
Entertainment
ไทยประกันชีวิต จัดแคมเปญวิ่ง “PASSION FOR LIFE”
สกุ๊ป พิเศษ
CHAYO ปักธงปี 68 ดันรายได้โต 20%
WHA Group โชว์ไตรมาส1/65 กวาดกำไรปกติ653.2ล้านบาท
2022-05-15 11:49:12
839
sharer
นิวส์ คอนเน็คท์ - WHA Group ประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/65 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไร 2,182.2 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 656.1 ล้านบาท โดยเป็นรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 2,164.6 ล้านบาท และกำไรปกติ 653.2 ล้านบาท จากการเติบโต ใน 4 กลุ่มธุรกิจ
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2565 บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “WHA Group” แจ้งว่า ได้รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2565 มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรและกำไรสุทธิ ทั้งสิ้น 2,182.2 ล้านบาท และ 656.1 ล้านบาท ตามลำดับ โดยหากพิจารณาถึงผลประกอบการปกติ บริษัทฯ มีรายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติ 2,164.6 ล้านบาท และกำไรปกติ 653.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.8% และ 255.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2564 สะท้อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งจากแพลตฟอร์ม 4 กลุ่มธุรกิจ โดยกลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ โชว์ผลงานอย่างโดดเด่น
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของ 4 กลุ่มธุรกิจว่า ธุรกิจโลจิสติกส์ ในไตรมาสแรกบริษัทฯ รับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ทั้งสิ้น 228.5 ล้านบาท โดยมีการเปิดโครงการและลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน/ คลังสินค้าสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น จำนวน 23,843 ตารางเมตร นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้ทำสัญญาเช่าระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูง รวมจำนวน 88,608 ตารางเมตร ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาสแรก บริษัทฯ มีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหาร ทั้งหมด 2,573,282 ตารางเมตร
“ไตรมาสที่ผ่านมา โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม.21 ศูนย์โลจิสติกส์แบบมิกซ์ยูส ซึ่งให้บริการคลังสินค้าและโรงงานแบบ Built-to-Suit พื้นที่ขนาดตั้งแต่ 5,000 ถึง 100,000 ตารางเมตร มีลูกค้ารายแรกของโครงการ อย่าง บริษัท เคอรี่ โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ลงนามในสัญญาเช่าคลังสินค้าแบบ Built-to-Suit ขนาดพื้นที่ 10,000 ตารางเมตร โดยปัจจุบันเคอรี่ โลจิสติคส์ มีพื้นที่คลังสินค้าที่เช่ากับบริษัทฯ รวมทั้งสิ้นแล้วกว่า 18,000 ตารางเมตร ซึ่งโครงการดังกล่าวตอบโจทย์การขนส่งระหว่างคลังสินค้าของเคอรี่ ไปยังท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ชลบุรี เนื่องจากโครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ เทพารักษ์ กม.21 เป็นโครงการที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่ ตั้งอยู่บนพื้นที่ยุทธศาสตร์ สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย ใกล้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ”
นอกจากนี้ ภายในไตรมาส 2/2565 บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถปิดดีลลูกค้ากลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซรายใหญ่ ที่จะลงนามสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit อีกประมาณ 35,000 ตารางเมตร ส่งผลให้บริษัทฯ จะมีสัญญาเช่าโครงการ Built-to-Suit และโรงงาน/ คลังสินค้าสำเร็จรูปเพิ่มขึ้น ไม่ต่ำกว่า 50,000 – 60,000 ตารางเมตร ในช่วงครึ่งปีแรก สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีดิจิทัลใหม่ๆ มาใช้ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทฯ ซึ่งจะช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้เทคโนโลยีเหล่านี้มาปรับปรุงกระบวนการทำงานให้ดียิ่งขี้น พร้อมลดต้นทุนการดำเนินงานสู่ประสิทธิผลที่สูงขึ้น โดยบริษัทฯ ได้เริ่มยกระดับมาตรฐานภาคอุตสาหกรรมในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ด้วยการลงทุนในเทคโนโลยีดิจิทัลอันล้ำสมัย จากการปรับใช้บิ๊กดาต้า คลาวด์คอมพิวติ้ง AI IoT ความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ และบล็อกเชน เพื่อให้มั่นใจว่า บริษัทฯจะสามารถเติบโตได้ในระยะยาว และในอนาคต คลังสินค้าและโรงงานต่างๆ ก็จะมีการติดตั้งนวัตกรรมอันล้ำสมัย อาทิ วิทยาการหุ่นยนต์ ระบบจัดเก็บและเบิกจ่ายสินค้าแบบอัตโนมัติ (AS/RS) รถลำเลียงสินค้า อัตโนมัติ (AGV) และระบบการจัดการคลังสินค้าอัจฉริยะ (Smart Warehouse) ตลอดจนบริษัทฯ ยังมีแผนการต่อยอดความร่วมมือกับบริษัทสตาร์ทอัพที่บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนตั้งแต่ปีที่แล้ว อาทิ Giztix และ Storage Asia เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการใหม่ๆ รวมถึงพัฒนาความสัมพันธ์กับพันธมิตรทางธุรกิจและบริษัทสตาร์ทอัพในอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
ส่วนโครงการอาคารสำนักงาน WHA Tower มีกลุ่มลูกค้าทยอยเช่าพื้นที่เพิ่มขึ้น อาทิ GIZTIX เช่าพื้นที่ ขนาดพื้นที่เช่า 1,110 ตร.ม. โดยมีอายุสัญญาเช่า 5 ปี เริ่มตั้งแต่เดือนมกราคม 2565 และ Veger เช่าพื้นที่ ขนาดพื้นที่เช่า 1,096 ตรม. มีอายุสัญญา 6 ปี โดยเริ่มตั้งแต่ 10 มีนาคม 2565
สำหรับแผนการเตรียมขายทรัพย์สิน และ/หรือ สิทธิการเช่าทรัพย์สินให้กับกองทรัสต์ WHART และ HREIT บริษัทฯตามเป้าหมายที่วางไว้ในปีนี้ 200,000 ตารางเมตร มูลค่าประมาณ 5,300 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีแผนเสนอเรื่องดังกล่าวเข้าที่ประชุมผู้ถือหน่วยของกอง WHART และ HREIT เพื่อขออนุมัติในช่วงไตรมาส 2/2565 ต่อไป
ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม บริษัทฯ รับรู้รายได้จากธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมในไตรมาส 1/2565 รวม 694.0 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 เนื่องจากมีรายได้จากการโอนที่ดินปรับตัวสูงขึ้น สอดคล้องกับภาพรวมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและทิศทางการลงทุนของประเทศไทยที่จะเริ่มปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากนโยบายเปิดประเทศ มาตรการปลดล็อคการเดินทาง Test & Go ส่งผลให้ลูกค้าชาวต่างชาติสะดวกในการเดินทางเข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้น โดยไตรมาสแรก บริษัทฯมียอดขายที่ดินรวม 36 ไร่ ซึ่งเป็นในประเทศไทยทั้งหมด ส่วนในเวียดนามได้มีการเซ็นต์ MOU ไปแล้ว 124 ไร่ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2565 บริษัทฯ มียอดขายที่รอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ให้กับลูกค้ากว่า 400 ไร่ และคาดว่าจะสามารถปิดดีลการขายที่ดินกับลูกค้ารายใหญ่ได้อีกอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 2
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงได้รับความสนใจจากกลุ่มนักลงทุนจีน ที่สนใจเยี่ยมชมนิคมอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงเดือนเมษายน 2565 ที่ผ่านมา บริษัทฯ มีการทำสัญญาซื้อขายที่ดินอุตสาหกรรมขนาด 200 ไร่ กับลูกค้ารายใหญ่ และยังมีการเจรจากับลูกค้ารายใหญ่อีกหลายรายที่มีความต้องการที่ดินรวมกันมากกว่า 2,000 -3,000 ไร่ ซึ่งปัจจุบัน บริษัทฯ มีนิคมอุตสาหกรรมตั้งอยู่ในประเทศไทย ทั้งสิ้น 11 แห่ง โดยล่าสุดบริษัทฯ เปิดตัว “นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36” ขนาดพื้นที่จำนวน 1,281 ไร่ บนทำเลที่ตั้งในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ระยอง 36 ได้รับการพัฒนาเพื่อต้อนรับนักลงทุนจากทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย (S-curve) ได้แก่ อุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และอุตสาหกรรมการบิน อิเล็กทรอนิกส์ และโลจิสติกส์ ฯลฯ
สำหรับเขตอุตสาหกรรมที่ประเทศเวียดนาม ในไตรมาส 1/2565 บริษัทฯ มียอดเซ็น MOU รวมทั้งสิ้น 124 ไร่ สอดคล้องกับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการผลิตและการลงทุนจากต่างประเทศ รวมถึงยอด FDI ของประเทศเวียดนามที่เพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทฯ ได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี และมีจำนวน Enquiry ที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ จึงเร่งพัฒนาเฟส 2 คิดเป็นพื้นที่กว่า 2,200 ไร่ โดยมีการเริ่มดำเนินการก่อสร้างในไตรมาส 1 ที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ พื้นที่รวมทั้งเฟส 1 เฟส 2 และส่วนต่อขยายของเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน เหงะอาน จะมีพื้นที่รวมทั้งสิ้นกว่า 11,550 ไร่
ล่าสุด เขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 – เหงะอาน และหัวลี่ กรุ๊ป - ไต้หวัน ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงสัญญาการแบ่งเช่าที่ดิน ณ สำนักงานใหญ่ของคณะกรรมการประชาชนประจำจังหวัด เหงะอาน สำหรับโครงการผลิตและแปรรูปรองเท้า เพื่อการส่งออกของหัวลี่ กรุ๊ป ซึ่งตั้งอยู่ในเขตอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อินดัสเตรียล โซน 1 – เหงะอาน โดยโครงการก่อสร้างดังกล่าวคาดว่าจะเริ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม 2565 และจะเปิดดำเนินการได้ในเดือนมิถุนายน 2566
นอกจากนี้ บริษัทฯ มุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาเขตอุตสาหกรรมใหม่อีก 2 แห่ง ได้แก่ โครงการ “WHA Smart Technology Industrial Zone - Thanh Hoa” ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองหลักของจังหวัด มุ่งตอบโจทย์ความต้องการจากนักลงทุนด้านเทคโนโลยีมูลค่าสูง ในขณะที่โครงการ “WHA Northern Industrial Zone - Thanh Hoa” ตั้งอยู่ ในทำเลยุทธศาสตร์ใกล้กับศูนย์ปิโตรเคมี Nghi Son มุ่งเจาะกลุ่มเป้าหมายอุตสาหกรรมขั้นกลางและปลายน้ำ โดยคาดว่าการก่อสร้างจะเริ่มดำเนินการในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ
ส่วนธุรกิจสาธารณูปโภค ว่า ผลประกอบการของธุรกิจน้ำในไตรมาส 1/2565 มีการเติบโตอย่างโดดเด่น ทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้จากธุรกิจสาธารณูปโภคเท่ากับ 622.0 ล้านบาท โดยมีปริมาณยอดขายและบริหารน้ำทั้งหมด ในประเทศไทย และต่างประเทศรวม 36 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้น 11% โดยเป็นสัดส่วนปริมาณยอดจำหน่ายน้ำในประเทศเท่ากับ 30 ล้านลูกบาศก์เมตร เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนการเติบโตของปริมาณการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากกลุ่มลูกค้าเดิม โดยเฉพาะลูกค้าหลัก ได้แก่ กลุ่มปิโตรเคมีและกลุ่มโรงไฟฟ้า ที่มีปริมาณการใช้น้ำเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
ในส่วนของ ธุรกิจไฟฟ้า บริษัทฯ รับรู้ส่วนแบ่งกำไรปกติจากการดำเนินงานจากการลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทร่วมค้าไม่นับรวมกำไร/ ขาดทุนทางบัญชีจากอัตราแลกเปลี่ยน และรายได้จากธุรกิจพลังงานไฟฟ้าแสงอาทิตย์ในไตรมาส 1/2565 เท่ากับ 92.8 ล้านบาท ปรับตัวลดลงโดยมีปัจจัยหลักมาจากส่วนแบ่งกำไรปกติจากโรงไฟฟ้า GHECO-One ที่ลดลง เนื่องจากสาเหตุสำคัญจากประกาศระงับการส่งออกถ่านหินของประเทศอินโดนีเซีย ส่งผลทำให้ราคาถ่านหินปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงโรงไฟฟ้ามีการหยุดซ่อมบำรุงจำนวน 18 วัน และส่วนแบ่งกำไรปกติจากกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP ปรับตัวลดลง โดยมีสาเหตุหลักจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่ปรับตัวสูงขึ้น ในขณะที่การประกาศปรับอัตราค่าไฟฟ้าของภาครัฐยังไม่เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส1 ที่ผ่านมา โดยจะมีการปรับอัตราค่าไฟฟ้าตามรอบการปรับปกติในเดือนพฤษภาคมและเดือนกันยายนนี้
ขณะเดียวกัน ในส่วนของธุรกิจไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มีการเติบโตอย่างโดดเด่น ซึ่งในไตรมาสแรก บริษัทฯ เซ็นสัญญาโครงการโซลาร์รูฟท็อป เพิ่มจำนวน 5 สัญญา กำลังการผลิตรวมประมาณ 13 เมกะวัตต์ รวมเป็นจำนวนเซ็นต์สัญญาสะสม 105 เมกะวัตต์ โดย 1 ใน 5 โครงการดังกล่าว ได้แก่ โครงการเมกาบางนา จำนวน 9.88 เมกะวัตต์ ที่คาดว่าจะพร้อมจ่ายไฟในช่วงปลายปี 2565 นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) เพื่อผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้กับลูกค้าเพิ่มเติมอีก 3 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 1/2565 บริษัทฯ มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าโครงการพลังงานแสงอาทิตย์ โดยรวมทั้งหมดจากโรงไฟฟ้าทุกประเภท (Contracted Capacity) ตามสัดส่วนการถือหุ้นแตะ 655 เมกะวัตต์
ล่าสุด โครงการ Solar Farm ของบริษัท ซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย)” ผู้ให้บริการดาต้า เซ็นเตอร์ ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานในระดับ เทียร์ 4 ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดในภูมิภาคอาเซียนบนพื้นที่รวม 10,000 ตารางเมตร ได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้วในช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยโครงการดังกล่าวสามารถลดต้นทุนด้านการใช้พลังงานไฟฟ้าให้กับซุปเปอร์แนป (ประเทศไทย) และลูกค้าตลอดอายุการใช้งาน พร้อมลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศได้ถึง 18,250 ตัน
ด้าน ธุรกิจดิจิทัลแพลตฟอร์ม สำหรับไตรมาส 1/2565 ถือเป็นธุรกิจที่สร้างผลงานได้เป็นอย่างดี โดยบริษัทฯ ได้จำหน่ายสินทรัพย์ประเภทดาต้า เซ็นเตอร์ (ธุรกิจศูนย์บริการระบบข้อมูลสารสนเทศ) 2 แห่ง และมีกำไรจากการจำหน่ายดาต้า เซ็นเตอร์ ทั้งสิ้นจำนวน 344.6 ล้านบาท โดยบริษัทฯยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอนวัตกรรมทางด้านดิจิทัลใหม่ๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร โดยบริษัทฯ วางแผนจะใช้เงินลงทุนในธุรกิจดิจิทัล ประมาณ 4,000 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 4-5 ปี เพื่อปรับการดำเนินธุรกิจให้เป็นรูปแบบ Tech Company ด้วยการต่อยอดในธุรกิจเดิมที่บริษัทมีอยู่ทั้งในด้านของธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม และธุรกิจไฟฟ้าและระบบสาธารณูปโภค เช่น ธุรกิจดิจิทัลเฮลธ์แคร์, EV Value Chain และระบบ Energy Trading เป็นต้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลรวมสำหรับผลประกอบการปี 2564 ที่ 0.1002 บาทต่อหุ้น โดยเป็นเงินปันผลระหว่างกาลที่ได้จ่ายให้ผู้ถือหุ้นไปแล้วจำนวน 0.0267 บาทต่อหุ้น และเงินปันผลที่จะจ่ายเพิ่มเติมอีก 0.0735 บาทต่อหุ้น โดยมีกำหนดการจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 พฤษภาคม 2565 นี้
TEGH ลุยแปรสภาพ ‘TEBP’ ส่งประกวดตลาด mai
TTB แหกโค้ง กำไร Q1/68 หดตัว 5.2%
CH วางแผนรับมือกำแพงภาษี "ทรัมป์"
BBL กำไรโค้งแรกโตสลุต 20% - SAFE พื้นฐานดี! ต้องมีติดพอร์ต
BBL กำไรโค้งแรกโต 20% รายได้ดอกเบี้ย-ค่าฟีพุ่ง
JMART เคาะดอกเบี้ยหุ้นกู้ชุดใหม่ 5.50% เสริมแกร่งการเงิน