Phones





BEAUTYปั้มยอดขายเต็มสูบดันรายได้โต20%

2020-02-04 16:17:47 1324




นิวส์ คอนเน็คท์ - BEAUTY ร่างเป้ารายได้ปีนี้โต20% หลังขยายตลาดตปท.พร้อมรุกขายในประเทศเต็มกำลัง ระบุยังไร้แผนซื้อหุ้นคืน เหตุซื้อจบไปแล้วเมื่อต้นปีก่อน

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิวตี้ คอมมูนิตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEAUTY เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตได้ 20% จากปีก่อน พร้อมรักษาอัตรากำไรสุทธิ 15% โดยจะมุ่งเน้นการขยายธุรกิจทั้งต่างประเทศและในประเทศ โดยการขยายตลาดไปกว่า 16 ประเทศ และมุ่งเน้นใน 5 ประเทศเป็นหลัก อาธิ อินเดีย ที่จะเข้าไปในรีเทลขนาดใหญ่ ปัจจุบันทดลองขายไปแล้ว 29 สาขา จากทั้งหมด 300 กว่าสาขา การขยายร้าน Flagship store ในอินโดนีเซีย เพื่อเน้นสื่อสาร และสร้างประสบการณ์ของแบรนด์กับลูกค้าได้มากขึ้น การขยายธุรกิจในฟิลิปปินส์ ที่มีการเปิดร้านอยู่แล้ว การเน้นตลาดเมียนมาหลังยอดขายเติบโตถึง 300% เมื่อปีที่ผ่านมา เพราะสินค้าของบริษัทเป็นที่นิยมสูงมากในปัจจุบัน และการขยายตลาดเพิ่มเติมในเวียดนาม


ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างเตรียมการขยายร้าน Flagship store ในบรูไน การทอลองขายสินค้าบนช่องทางออนไลน์ในสหรัฐอเมริกา การทดลองขายส่งไปยังตลาดรัสเซีย การขยายสินค้าเข้าไปในรีเทลขนาดใหญ่ ในแคนนาดา และดูไบ รวมถึงอยู่ระหว่างศึกษาขยายตลาดเพิ่มในบังกลาเทศ กัมพูชา และอิหร่าน

ขณะที่สิ้นปี 2562 บริษัทมีสาขารวม 311 สาขา ปรับตัวลดลงจากปี 2561 ที่มีสาขารวม 348 สาขา หลังมีการปิดสาขาที่ไม่คุ้มทุนในการเช่า และปิดสาขาทับซ้อน เพื่อให้อีกสาขารับยอดขายได้เต็มที่ ซึ่งเป็นการลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นได้เป็นอย่างดี


นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการขยายเข้าไปยังร้าน วัตสัน และอีฟแอนด์บอย (EVEANDBOY) มัลติแบรนด์สโตร์ด้านความงาม ส่วน Boots ได้จำหน่ายสินค้าเป็นเรียบร้อยแล้ว ซึ่งบริษัทมีสินค้าหลายรายการในบางกลุ่มขยายเข้าไปวางขายได้ แต่ในปัจจุบันยังไม่ได้ตั้งผู้แทนจำหน่าย(distributor)อย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะดำเนินการได้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 3/2563 ซึ่งจะช่วยให้ขยายเข้าสู่ร้านย่อยได้ครอบคลุมมากขึ้น


ส่วนตลาดในจีนยังเป็นยอดขายหลักของบริษัท ปัจจุบันยอดขายในต่างประเทศ 16 ประเทศ คิดเป็น 36.50% ซึ่งมาจากจีนกว่า 90%โดยในปี 2563 ยังคงเป้ายอดขายไว้ 50 ล้านบาทต่อเดือน จากการกระจายเข้าสู่เอ้าท์เลทกว่า 33,000 จุดแม้ว่าจะมีเรื่องของไวรัสโคโรนา แต่เชื่อว่ารัฐบาลจีนสามารถควบคุมได้เร็ววัน หรือช้าสุดในเดือน เม.ย.2563 (จากการเก็บข้อมูลตัวแทนจำหน่าย) รวมถึงศึกษาการเข้าไปตั้งรากฐานอย่างเป็นทางการในจีน คาดว่าก่อนครึ่งปีแรก 2563 จะเห็นความชัดเจนว่าจะเข้าไปในรูปแบบใด


ทั้งนี้บริษัทยังไม่มีนโยบายการซื้อหุ้นคืนแต่อย่างใด เนื่องด้วยยังคิดติดกฎเกณฑ์ของก.ล.ต. กล่าวคือไม่สามารถซื้อหุ้นคืนได้ในระยะ3ปีหลังจากที่ได้ซื้อหุ้นคืนไปครั้งก่อนแล้ว โดยการซื้อล่าสุดนั้นสิ้นสุดไปเมื่อเดือน ม.ค.62 ขณะทีในนามส่วนตัวนั้นยังคงยืนยันว่าไม่มีแผนซื้อหุ้นเข้าพอร์ต พร้อมยืนยันว่าจะพยายามทำผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างมีเสถียรภาพในทุกปี แม้ว่าจะมีสถานการณ์เชิงลบเข้ามามีผลกระทบระหว่างปีก็ตาม



 


>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews