นิวส์ คอนเน็คท์ - หนึ่งในเคล็ดลับการจัดการพอร์ตของนักลงทุนมืออาชีพ คือ การกระจายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อมองหาโอกาสสร้างกำไรผ่านกลุ่มธุรกิจใหม่ ๆ ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มโอกาสทำกำไรให้พอร์ต ยังช่วยบริหารความเสี่ยง และลดโอกาสขาดทุนไปได้อีกด้วย 

เมื่อพูดถึงตลาดต่างประเทศที่มีการเติบโตที่น่าสนใจหนึ่งในนั้นย่อมต้องมีชื่อของประเทศญี่ปุ่นรวมอยู่ด้วย หลังจากที่ดัชนี Nikkei สามารถทำสถิติขึ้นสู่จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 35 ปี เมื่อต้นเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา เพราะอะไรกันที่ทำให้หุ้นญี่ปุ่นมีการเติบโตที่โดดเด่นในปีนี้ ทางเราได้สรุปสาเหตุที่สำคัญให้นักลงทุนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว..

ความเชื่อมั่นของศักยภาพกลุ่มธุรกิจญี่ปุ่น

หุ้นญี่ปุ่นถือเป็นหนึ่งในการลงทุนที่นักลงทุนชื่อดังระดับโลก “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ให้ความเชื่อมั่นอย่างมาก บริษัท Berkshire Hathaway ของบัฟเฟตต์ ได้เริ่มเข้าซื้อหุ้นกลุ่มบริษัท Sogo Shosha โดย วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้แสดงความเห็นว่า Sogo Shosha เป็นบริษัทที่มีการบริหารจัดการที่ดี ซึ่งความเห็นนี่เองก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ดัชนี Nikkei ทำสถิติพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ และญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงในหลายด้าน โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยี จากการจัดอันดับดัชนีนวัตกรรมโลกเมื่อปีที่ผ่านมา (Global Innovation Index) ญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 13 ของโลก และยังเป็นอันดับต้น ๆ ในทวีปเอเชียอีกด้วย

ประโยชน์จากค่าเงินเยนที่อ่อนตัว

เพราะแนวโน้มของค่าเงินเยนที่ยังคงอ่อนตัว จากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จนทำให้ค่าเงินเยนอ่อนตัวมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ไปเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา (1 เยน = 0.2230 บาท) ถึงแม้ว่าจะทำให้ค่าครองชีพในประเทศสูงขึ้น แต่ก็เป็นผลดีกับภาคธุรกิจส่งออก ที่ได้รับกำไรเพิ่มขึ้นจากการปรับตัวของค่าเงิน นอกจากนี้ยังเป็นผลดีกับนักลงทุนต่างชาติอีกด้วย เพราะราคาหุ้นญี่ปุ่นจะซื้อขายถูกลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างประเทศ ทำให้ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้าประเทศได้มากขึ้นเช่นกัน

ปัจจัยที่น่าติดตามคือ เศรษฐกิจของญี่ปุ่นจะเติบโตอย่างไรในอนาคต?

เมื่อ 31 กรกฎาคม ที่ผ่านมา BOJ ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอีก หากเศรษฐกิจ-เงินเฟ้อเติบโตตามเป้า

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.25% จากระดับ 0%-0.1% นอกจากนี้ยังปรับลดการซื้อพันธบัตรลงจากไตรมาสละ 400,000 ล้านเยน ลงสู่ระดับ 3 ล้านล้านเยนต่อเดือน ระหว่าง ม.ค. - มี.ค. 68 หรือเหลือเพียงครึ่งหนึ่งจากวงเงินในปัจจุบัน (6 ล้านล้านเยน) ในรายงานการประชุม BOJ ปรับลดประมาณการ GDP ปีงบประมาณ 2567 ลงเหลือ 0.6% จากก่อนหน้าคาดไว้ที่ 0.8% และคงประมาณการ GDP ปีงบประมาณ 2568 ไว้ที่ 1.0% ส่วนประมาณการดัชนี Core CPI ปี 2567 ถูกปรับลงเหลือ 2.5% จากก่อนหน้าคาดไว้ที่ 2.8% แต่ปรับเพิ่มประมาณการดัชนี Core CPI ปี 2568 จาก 1.9% ไปที่ 2.1% ทำให้ตลาดญี่ปุ่นยังเป็นที่น่าจับตามองของนักลงทุนทั่วโลกที่กำลังมองหาโอกาสการลงทุน ถึงแม้ว่าอาจจะยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เช่น อัตราเงินเฟ้อ นโยบายของ BOJ และอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ที่เป็นตัวกำหนดทิศทางเศรษฐกิจของประเทศอยู่ก็ตาม

สำหรับผู้ลงทุนที่กำลังมองหาจังหวะ หรือโอกาสการลงทุนในตลาดใหญ่ระดับเอเชีย ญี่ปุ่นก็เป็นอีกประเทศที่น่าสนใจ เพื่อเป็นทางเลือกในการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตลงทุน ซึ่งผู้ลงทุนสามารถลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นได้ด้วยตัวเองผ่าน DR (Depositary Receipt) ในตลาดหลักทรัพย์ไทยได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็น...

JAPAN13

ลงทุนกับกองทุน ChinaAMC MSCI Japan Hedged to USD ETF ซึ่งอ้างอิงจากดัชนี MSCI Japan 100% Hedged to USD ที่ลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นขนาดใหญ่อย่าง Toyota, Mitsubishi UFJ Financial Group,Sony และสร้างผลตอบแทนอิงกับดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุ่น

โดยความพิเศษของ DR ตัวนี้ คือมีการป้องกันความเสี่ยงค่าเงินเยนเป็นค่าเงินดอลลาร์ ช่วยลดความเสี่ยงความผันผวนของค่าเงินเยน

SONY80

ลงทุนในหุ้นบริษัท SONY GROUP CORPORATION บริษัทเทคโนโลยีและสื่อยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ครอบคลุมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน และผู้นำด้านความบันเทิงหลากหลาย ทั้งภาพยนตร์ เพลง และผู้ผลิตเกมรายใหญ่ระดับโลก เจ้าของเครื่องเล่นเกมชื่อดังอย่าง PlayStation ที่ได้รับความนิยมมาต่อเนื่อง

TOYOTA80

ลงทุนในหุ้นบริษัท TOYOTA MOTOR CORPORATION ผู้ผลิตยานยนต์รายใหญ่ที่สุดในโลก ที่ผลิตรถยนต์เพื่อจัดจำหน่ายได้มากกว่า 10 ล้านคันในปีที่ผ่านมา แสดงถึงประสิทธิภาพ และความนิยมที่มีทั่วโลก โดยปัจจุบันมีแบรนด์รถยนต์ในเครือกว่า 4 แบรนด์ด้วยกัน ทั้ง Daihatsu, Hino, Lexus รวมถึงแบรนด์หลักอย่าง Toyota ที่ทุกคนรู้จักดี

UNIQLO80

ลงทุนในหุ้นบริษัท FAST RETAILING CO., LTD. เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าชั้นนำอย่าง UNIQLO ที่มีจุดเด่นในด้านคุณภาพดี และราคามิตรภาพ สำหรับทุกเพศทุกวัย ด้วยแนวคิดแบบญี่ปุ่นที่เน้นความเรียบง่ายและใช้งานได้จริง จึงทำให้แบรนด์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และยังมีแบรนด์เสื้อผ้าอื่น ๆ ในเครือที่น่าสนใจไม่แพ้กัน ทั้ง GU Theory,Theory Luxe, Helmut Lang, Comptoir des Cotonniers, Princesse tam.tam, J Brand เป็นต้น

NINTENDO19

ลงทุนในหุ้นบริษัท Nintendo Co.,Ltd. ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องเล่นเกม Nintendo อีกหนึ่งยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงในวงการเกมระดับโลก ซึ่งดำเนินกิจการมายาวนานกว่า 135 ปี และผลิตเกมชื่อดังต่อเนื่อง ไม่ว่าจะ Super Mario,The Legend of Zelda, Animal Crossing และอื่น ๆ อีกมากมาย

SMFG19

ลงทุนในหุ้นบริษัท Sumitomo Mitsui Financial Group, Inc. บริษัทโฮลดิ้งทางการเงิน เจ้าของ Sumitomo Mitsui Banking Corporation หนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ที่ให้บริการครอบคลุมทั้งสินเชื่อ หลักทรัพย์ บัตรเครดิต โดยไม่ได้จำกัดแค่ในประเทศ แต่ยังขยายบริการไปถึงหลาย ๆ ประเทศทั่วโลก และครองสัดส่วนตลาดมากถึง 16% เลยทีเดียว

ซึ่งเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนไทยที่ต้องการกระจายการลงทุนกับอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ในแดนซามูไรอย่างประเทศญี่ปุ่น

ใครที่อยากลงทุนหุ้นญี่ปุ่น อย่ารอข้า เริ่มได้ง่าย ๆ ผ่านช่องทางแอปพลิเคชั่น Streaming

• แค่มีบัญชีหุ้นไทย ก็เริ่มลงทุนผ่าน DR ได้ทันที

• ซื้อขายสะดวก เพราะใช้สกุลเงินบาทในการซื้อขาย

• เริ่มต้นขั้นต่ำเพียง 1 หน่วย (ค่าธรรมเนียมเท่ากับการเทรด ผ่านตลาดหลักทรัพย์ไทย)

ผู้ลงทุนต้องการดูแนวโน้มราคาสินค้าอ้างอิง DR และ DRx สามารถดูข้อมูลผ่านเว็ปโซต์ www.set.or.th และ www.settrade.com โดยการเข้าไปหน้า DR และ DRx รายตัว และกดเมนู “ราคาอ้างอิง” ข้อมูลที่แสดง เป็นราคาที่แปลงอัตราแลกเปลี่ยนมาเป็นเงินบาทแล้ว ทำให้ผู้ลงทุนสามารถเปรียบเทียบราคาระหว่างสินทรัพย์อ้างอิงต่างประเทศ และ DR ได้สะดวกขึ้น

ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ DR ได้ที่นี่ https://www.setinvestnow.com/th/newdr