นิวส์ คอนเน็คท์ – BBL จุดประกายผู้ประกอบการ SME ใช้ Big Data และ AI ปรับกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจเข้าสู่โลกยุคดิจิทัล ดึงกูรู Data Scientist ผู้ก่อตั้ง “บอทน้อย” ช่วยติวเข้ม หวังเสริมเขี้ยวเล็บผู้ประกอบการ มั่นใจช่วยลดต้นทุน-สร้างกำไรเพิ่มอย่างน้อย 2 เท่า พร้อมหนุนทั้งองค์ความรู้ และ เงินทุนเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน ให้ทุกธุรกิจก้าวทันโลกยุคดิจิทัล

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2567 ดร.พิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ กรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL เปิดเผยว่า ธนาคารพยายามผลักดันให้ผู้ประกอบการ SME ปรับตัวให้เท่าทันต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจอยู่เสมอ โดยล่าสุดที่แนวโน้มการใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI (Artificial Intelligence) กำลังมีบทบาทมากขึ้นทั้งช่วยคิดวิเคราะห์ ประเมินผล รวมถึงแก้ไขปัญหาของภาคธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งจะมีบทบาทมากขึ้นในอนาคตอันใกล้ ดังนั้น การปรับองค์กรให้เข้าสู่การขับเคลื่อนด้วย AI รวมถึง Big Data ที่สนับสนุนอยู่ข้างหลัง จะเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของภาคธุรกิจ

โดยล่าสุด ธนาคารได้จัดสัมมนาให้แก่กลุ่มเอสเอ็มอี ในหัวข้อ ‘Data Analytic & AI สร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและธุรกิจ SME อย่างไร’ เพื่อฉายภาพความสำคัญของการใช้ Big Data และ AI รวมทั้งได้ทดลองใช้ AI เพื่อเรียนรู้การใช้งานจริงเบื้องต้นด้วย โดยได้เชิญวิทยากรซึ่งเป็น Data Scientist และเป็นผู้ก่อตั้ง “บอทน้อย” ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI และการนำเทคโนโลยีมาตอบสนองต่อธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ มาแบ่งปันข้อมูลแก่ผู้ประกอบการ

“ภายในเวลาเพียงไม่กี่ปี AI เริ่มมีบทบาทสำคัญในหลายอุตสาหกรรรม อาทิ อุตสาหกรรมการแพทย์ ที่ช่วยในการวินิจฉัยโรคได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว ในภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่เริ่มนำเอาเครื่องจักรออโตเมชันมาใช้ทดแทนแรงงานคน และภาคการเกษตร สำหรับการทำสมาร์ทฟาร์มมิ่ง แต่เรื่องนี้สำหรับ SME แล้ว อาจจะยังเป็นเรื่องใหม่ ผู้ประกอบการอาจจะยังไม่เห็นภาพว่าจะนำ Big Data ที่มีอยู่ และ AI มาใช้กับธุรกิจตนเองได้อย่างไรบ้าง ธนาคารกรุงเทพซึ่งเป็น “เพื่อนคู่คิด” สำหรับลูกค้า จึงต้องช่วยหาข้อมูลความรู้มาสนับสนุนช่วยจุดประกายความคิดให้ลูกค้าเห็นภาพการขับเคลื่อนธุรกิจในอนาคต ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญมาก” ดร.พิเชฐ กล่าว

อย่างไรก็ตาม นอกจากการสนับสนุนด้านองค์ความรู้ที่เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของโลกเพื่อให้ผู้ประกอบการมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลขึ้นและกำหนดกลยุทธ์ธุรกิจได้อย่างแม่นยำแล้ว ธนาคารกรุงเทพยังมีความพร้อมด้านบริการทางการเงินที่ตอบโจทย์สำหรับธุรกิจที่ต้องการลงทุนเพื่อปรับองค์กร สินเชื่อเพื่อวัตถุประสงค์ด้านสิ่งแวดล้อมและการปรับตัวหลายโครงการ โดยล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัว สินเชื่อบัวหลวงกรีนเพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม (Bualuang green financing for transition to environmental sustainability) อัตราดอกเบี้ยพิเศษ สามารถผ่อนชำระได้นานสูงสุดถึง 8 ปี เพื่อสนับสนุนการปรับเปลี่ยนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน 3 ด้าน ทั้งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และลดการสร้างมลพิษ โดยธนาคารได้จัดเตรียมวงเงินสินเชื่อไว้รองรับความต้องการของลูกค้าถึง 10,000 ล้านบาท เป็นต้น จึงมั่นใจได้ว่า ลูกค้าของธนาคารจะมีโซลูชันที่ครบถ้วนสำหรับการปรับโครงสร้างธุรกิจไปสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน

สำหรับลูกค้าธนาคารกรุงเทพ ที่มีความสนใจบริการทางการเงินเพื่อเปลี่ยนผ่านธุรกิจไปสู่โมเดลใหม่ๆ เพื่อความยั่งยืน รวมถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ธนาคารกรุงเทพพร้อมสนับสนุนด้านเงินทุนผ่านบริการสินเชื่อหลากหลายรูปแบบพร้อมอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ได้แก่ สินเชื่อ “Bualuang Green” วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท ผ่อนชำระได้นานสูงสุด 8 ปี สำหรับเอสเอ็มอีที่ต้องการลงทุนปรับปรุงธุรกิจและกระบวนการต่างที่ไม่ก่อให้เกิดมลภาวะต่างๆ รวมถึงนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ, สินเชื่อ “Bualuang Green Solar Energy” ให้วงเงินกู้สูงสุด 100 % ของเงินลงทุน พร้อมเงื่อนไขพิเศษ เพื่อช่วยลดต้นทุนให้ต่ำลง ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเปลี่ยนมาใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้น และสินเชื่อบัวหลวงเพื่อการปรับตัวธุรกิจ (Bualuang Transformation Loan) วงเงิน 20,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระสูงสุด 5 ปี สำหรับธุรกิจที่ต้องการปรับปรุงกิจการในยุคดิจิทัลและภาวะปกติใหม่ (Next Normal) เช่น การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือใช้นวัตกรรมแห่งโลกอนาคต

ด้านดร.วินน์ วรวุฒิคุณชัย ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บอทน้อยกรุ๊ป (BOTNOI GROUP) กูรู Data Scientist ชั้นนำของไทย กล่าวว่า สิ่งแรกที่สำคัญมากสำหรับผู้ประกอบการ คือ การเปิดใจ พร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพราะการนำข้อมูลและระบบ AI มาใช้อาจไม่ได้ยากอย่างที่กังวล ต่อมาคือ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเก็บรวบรวมข้อมูล เช่น การทำ Customer Engagement Platform ตามด้วยการนำข้อมูลมาประมวลผล ซึ่งมีเครื่องมือที่เข้ามาช่วยได้หลากหลายรูปแบบ รวมถึงการนำ AI เข้ามาช่วยจัดการกับข้อมูลที่มีปริมาณมหาศาล และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่ต้องการได้อย่างแม่นยำ ในเวลาที่รวดเร็วหรือเรียลไทม์ และสามารถเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้จากหลากหลายช่องทางอีกด้วย

“ในชีวิตประจำวันของเราทุกวันนี้ต่างมี AI เข้ามาเกี่ยวข้องมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งถ้าผู้ประกอบการรู้และเข้าใจก็จะสามารถคว้าโอกาสและใช้ประโยชน์ต่อยอดธุรกิจได้ง่าย ซึ่งบางอย่างแทบไม่มีต้นทุนเลย เช่น Google Maps ที่กลุ่มธุรกิจที่พัก ร้านอาหารสามารถเข้าไปปักหมุดลงภาพ ลงรีวิวได้ฟรี เพิ่มช่องทางการเข้าถึงของผู้บริโภคได้อย่างมหาศาล แต่ผู้ประกอบการ SME ส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจและไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร จึงเป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่งที่องค์กรขนาดใหญ่อย่างธนาคารกรุงเทพ ได้เข้ามาเป็นตัวกลางสำคัญเพื่อพาผู้ประกอบการมาเรียนรู้และก้าวข้ามความเปลี่ยนแปลงนี้ไปด้วยกัน เพราะจากประสบการณ์การเข้าไปช่วยพัฒนาด้าน Data Science พบว่าอย่างน้อยที่สุดหากผู้ประกอบการเริ่มใช้ Data Analytic & AI จะสามารถช่วยลดต้นทุนและเพิ่มผลกำไรได้มากกว่า 2 เท่าอย่างแน่นอน ซึ่งนับเป็นหัวใจสำคัญของการดำเนินธุรกิจที่จะทำให้สามารถแข่งขันได้อย่างมีศักยภาพ” ดร.วินน์ กล่าว