Phones





GBS บุกหนัก Private Fund เป้า AUM แตะ 500 ล้าน

2025-01-07 10:41:38 145



นิวส์ คอนเน็คท์ - บล.โกลเบล็ก ปักหมุด ให้บริการด้านการลงทุนในส่วนของ Private Fund เพิ่มขึ้น หลังประสบความสำเร็จปีแรก กวาด AUM แล้ว 200 ล้านบาท ด้าน CEO “ธนพิศาล คูหาเปรมกิจ” ตั้งเป้าปี 68 ยอด AUM แตะ 500 ล้านบาท ลุยลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดีในตลาดหุ้นไทย หลังภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นรับดอกเบี้ยขาลง
     
เมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 นายธนพิศาล คูหาเปรมกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS เปิดเผยว่า หลังจากประสบความสำเร็จในการให้บริการด้านการลงทุนในส่วนของกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ตลอดระยะ 1 ปีที่ผ่านมา ส่งให้บริษัทฯ มียอดสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) 200 ล้านบาท ภายใต้การบริหารของทีมงานผู้จัดการกองทุนมืออาชีพ ทั้ง 3 ท่าน ประกอบด้วย คุณฐิติพันธ์ ไผ่ศิริกุล Head of Private fund, คุณอิศรา ปวรทิตา Senior Fund manager และ คุณชัยรัตน์ คงสุนทร Fund Manager 

ดังนั้น บริษัทฯ เดินหน้าการให้บริการด้านการลงทุนในส่วนของ Private Fund ต่อเนื่อง โดยตั้งเป้า AUM ปี 2568 แตะระดับ 500 ล้านบาท จากการมุ่งเน้นการลงทุนในหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยอิงกับปัจจัยพื้นฐาน เทคนิค โดยเฉพาะหุ้นที่มีมูลค่าต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน ถือเป็นจังหวะการลงทุนที่ดีที่สุด ซึ่งกองทุนส่วนบุคคลของ บล.โกลเบล็ก เปิดรับการลงทุนของลูกค้าขั้นต่ำเพียง 3 ล้านบาท และยังสามารถโอนหุ้นที่ติดอยู่ในพอร์ตการลงทุนรวมเป็นเงินลงทุนเริ่มต้นได้

“กลุ่มนักลงทุนที่สนใจลงทุน และไม่มีเวลาติดตามสภาวะตลาดที่มีความผันผวนค่อนข้างมากในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา สามารถเลือกใช้บริการของกองทุนส่วนบุคคลของ “โกลเบล็ก” ได้ เพราะทีมผู้จัดการกองทุนจะเป็นผู้ติดตามและปรับพอร์ตการลงทุนของลูกค้าให้เหมาะสมในแต่ละสถานการณ์การลงทุน”

ปัจจุบัน “โกลเบล็ก” มีสัดส่วนรายได้ค่านายหน้าจากโบรกเกอร์ ประมาณ 32.07% ส่วนการให้บริการด้านการลงทุนในส่วนของกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) ประมาณ 1.05% ที่เหลือเป็นอื่นๆ อาทิ การทำธุรกรรมซื้อขายตราสารหนี้ และสัญญาซื้อคืน (Sale buy back), ผู้จัดการการจำหน่ายหุ้นกู้ (Underwriter) และให้บริการด้านการเป็นตัวแทนซื้อขายกองทุนรวม (Wealth Management) รวมไปถึงบริการ Block trade คิดเป็นประมาณ รวมอื่นทั้งหมด 66.88% ทำให้คาดว่าผลการดำเนินงานปี 2568 มีการเติบโตประมาณ 20% เมื่อเทียบจากปี 2567