นิวส์ คอนเน็คท์ – TOP มั่นใจไตรมาส 2-3-4/63 จะกลับมามีกำไรสต็อกน้ำมัน หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น คิดการไกลต่อยอดโครงการ CFP เป็น Beyond CFP หวังขยายสัดส่วนกำไรธุรกิจปิโตรเคมีเป็น 40% ลดความเสี่ยงธุรกิจโรงกลั่นทรี่มีความผันผวน ขณะที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติออกหุ้นกู้ 2 พันล้านเหรียญฯ
เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2563 นายวิรัตน์ เอื้อนฤมิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน ) หรือ TOP เปิดเผยในงานประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ว่า บริษัทคาดว่าไตรมาส 2-3-4/63 จะกลับมามีกำไรสต็อกน้ำมัน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มกลับมาปรับตัวเพิ่มขึ้น ปัจจุบันกลับมายืนอยู่ในระดับ 40 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากมีสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลายส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นและเป็นปัจจัยหนุนให้กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม (GIM) มีทิศทางที่ดีขึ้นด้วย ขณะที่ไตรมาส 1/63 ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยในระดับ 33.7 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ส่งผลให้ขาดทุนสต็อกน้ำมันกว่า 10,772 ล้านบาท
ส่วนแผนการลงทุนและการชำระคืนเงินกู้ในช่วง 5 ปี (ปี 63-67) บริษัทมีเป้าหมายใช้เงินรวม 4,695 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งเป็น เงินลงทุน 3,486 ล้านเหรียญสหรัฐ และชำระคืนเงินกู้ 1,209 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเม็ดเงินดังกล่าวจะมาจากเงินสดและกระแสเงินสดสุทธิจากการดำเนินงานราว 2,634 ล้านเหรียญสหรัฐ และการออกหุ้นกู้ที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 63 ในวันนี้ราว 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 68 จากปัจจุบันที่มีวงเงินหุ้นกู้คงเหลือเพียง 3 ล้านเหรียญสหรัฐ
โดยส่วนใหญ่การลงทุนในช่วง 5 ปีนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการใช้เงินลงทุนในโครงการโครงการพลังงานสะอาด (CFP) ซึ่งเป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพโรงกลั่นและขยายกำลังการกลั่นน้ำมันจากเดิม 2.75 แสนบาร์เรล/วัน เป็น 4 แสนบาร์เรล/วัน มูลค่าราว 4,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งปัจจุบันมีความคืบหน้าราว 39% และจะพยายามให้แล้วเสร็จตามเป้าหมายในปี 66 ขณะที่ในปี 63 มั่นใจว่าจะใช้เงินลงทุนได้ตามเป้าหมายราว 1,826 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นการใช้สำหรับลงทุน 1,788 ล้านเหรียญสหรัฐ และชำระคืนเงินกู้ 38 ล้านเหรียญสหรัฐ
ทั้งนี้ภายหลังจากโครงการ CFP บริษัทก็มีแผนต่อยอดโครงการเป็น Beyond CFP เพื่อต่อยอดขยายลงทุนปิโตรเคมี ขยายกำลังการผลิตโอเลฟินส์ที่บริษัทยังไม่ได้ดำเนินการก็จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับธุรกิจจากปัจจุบันที่มีกำไรราว 60-70% มาจากธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน ซึ่งปัจจุบันมีความผันผวนมาก โดยในอนาคตมีเป้าหมายที่จะมีสัดส่วนกำไรมาจากธุรกิจโรงกลั่นเป็น 40% ,ปิโตรเคมี 40% ,ไฟฟ้า 15% และอื่น ๆ ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ โดยเฉพาะด้านนวัตกรรม 5%
>>>สามารถอ่านข่าวเพิ่มเติมได้ทาง http://www.newsconnext.com
หรือติดตามผ่านช่อง Line@ ได้ที่ News Connext
ช่องทาง Fanpage Facebook ได้ที่ https://www.facebook.com/connextnews