Phones
หน้าแรก
Stock
เศรษฐกิจมหภาค
แบงก์ - Finance
อสังหาริมทรัพย์ - Marketing
ประกัน - ท่องเที่ยว
Variety
สกู้ป พิเศษ
SET
KUN หุ้นกู้ฮอต สถาบัน-รายใหญ่เชื่อมั่นธุรกิจ
MAI
NUT เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ ดันสัดส่วนออนไลน์ 75.7%
IPO
HANN ไอพีโอ 160 ล้านหุ้น เคาะราคาหุ้นละ 0.70 บาท
บล./บลจ
Webull จัดหนัก! อัด “ผลตอบแทนสูงสุด 4% ต่อปี”
เศรษฐกิจ-การเงิน-การคลัง
ครม. เคาะ "วิทัย รัตนากร" ผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่ มีผล 1 ต.ค. 68
การค้า - พาณิชย์
SME D Bank ออกมาตรการเร่งด่วน ‘พัก-ตัด-ลด-ขยาย-เติม’
พลังงาน - อุตสาหกรรม
PTG เปิดต้นแบบสถานีชาร์จ EV ครบวงจร
คมนาคม - โลจิสติกส์
"สุริยะ" เตรียมเปิดลงทะเบียนรับสิทธิ์ใช้รถไฟฟ้า 20 บ.
แบงก์ - นอนแบงก์
EXIM BANK ออกมาตรการช่วยลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากพายุวิภา
ไฟแนนซ์ - ลิสซิ่ง
ลีสซิ่งกสิกรไทยคว้ารางวัล Best Automobile Financing 2 ปีซ้อน
SMEs - Startup
KBANK จับมือ Google Cloud โชว์ความสำเร็จโครงการ Earth KATALYST
ประกันภัย - ประกันชีวิต
คปภ. เดินหน้า “OIC : Be Smart First Jobber ปีที่ 4”
รถยนต์
เมอร์เซเดส-เบนซ์ สานต่อแคมเปญ “Welcome Back Stars” ปีที่ 2
ท่องเที่ยว
Coral ผนึกพันธมิตร เปิดตัว 4 แคมเปญหนุนเที่ยวไทยครึ่งปีหลัง
อสังหาริมทรัพย์
ศุภาลัยอัดแคมเปญพิเศษ ตอบแทนทุกกลุ่มพันธมิตร
การตลาด
ออมสิน เร่งช่วยเหลือ ชายแดนไทย-กัมพูชา-ภาคเหนือตอนบน
CSR
KBANK จับมือ Google Cloud โชว์ความสำเร็จโครงการ Earth KATALYST
Information
EXIM BANK ร่วมงานสัมมนา Thailand Smart SME 2025
Gossip
SUMX แกร่ง! อัตราผู้เช่าสูงต่อเนื่อง
Entertainment
พีทีจี จับมือ เตรียมอุดมศึกษา จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ ‘TU Co-Learning Space by PTG’
สกุ๊ป พิเศษ
"รุ่ง-วิทัย" ใครจะเข้าวิน ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติ
KBANK อวดกำไรครึ่งปีแรก19,521 ล้านบาท
2021-07-21 16:49:07
328
sharer
นิวส์ คอนเน็คท์ – KBANK กำไรครึ่งปีแรกเติบโตแข็งแกร่ง 104.40% อยู่ที่ระดับ 19,521 ล้านบาท หลังมีการตั้งสำรอง ECL ลดลงถึง 39.32%
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2564 นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/64 ได้รับผลกระทบมากขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกที่สาม ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อทิศทางการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและธุรกิจ และยังทำให้ช่วงเวลาการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวต้องเลื่อนเวลาออกไป ทั้งนี้ แม้มาตรการเยียวยาเศรษฐกิจของภาครัฐและสัญญาณการขยายตัวของภาคส่งออกจะยังคงเป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจต่อเนื่องในระยะข้างหน้า แต่แนวโน้มการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน โดยขึ้นอยู่กับการกระจายวัคซีนและการควบคุมการระบาดของโควิด-19
โดยผลการดำเนินงวด 6 เดือนแรกของปี 64 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิจำนวน 19,521 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,971 ล้านบาท หรือ 104.40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธนาคารและบริษัทย่อยตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (ECL) ลดลง 39.32% ซึ่งในครึ่งปีแรกของปีก่อนธนาคารและบริษัทย่อยได้ตั้งสำรองฯ ในระดับที่สูงเป็นจำนวนถึง 32,064 ล้านบาท ภายใต้หลักความระมัดระวัง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมถึงผลที่อาจจะเกิดขึ้นจากมาตรการของทางการที่ให้สถาบันการเงินให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ ทำให้ต้องติดตามดูแลคุณภาพหนี้อย่างใกล้ชิด
อย่างไรก็ตาม แม้ภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 64 จะได้รับผลกระทบมากขึ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ธนาคารและบริษัทย่อยได้ประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวซึ่งคาดว่าการฟื้นตัวจะเลื่อนเวลาออกไป และยังคงให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่องผ่านมาตรการต่าง ๆ รวมถึงการปล่อยสินเชื่อเพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่ลูกค้า ธนาคารและบริษัทย่อยจึงได้พิจารณาตั้งสำรองฯ ในงวดนี้ทั้งสิ้นจำนวน 19,457 ล้านบาท ซึ่งยังคงเป็นระดับสำรองฯ ภายใต้หลักความระมัดระวัง ทั้งนี้หากเปรียบเทียบไตรมาส 2/64 กับไตรมาสก่อน ธนาคารและบริษัทย่อยตั้งสำรองฯ เพิ่มขึ้น 24.93%
สำหรับกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้สำหรับงวด 6 เดือนแรกของปี 64 มีจำนวน 47,282 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อนจำนวน 1,332 ล้านบาท หรือ 2.90% เกิดจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 2,686 ล้านบาท หรือ 4.87% จากการปล่อยเงินให้สินเชื่อแก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยในงวดนี้อัตราการเติบโตอยู่ที่ 6.17% มาจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่มีศักยภาพ โดยธนาคารได้ติดตามดูแลคุณภาพเงินให้สินเชื่อของลูกหนี้อย่างใกล้ชิดเพื่อให้ความช่วยเหลือลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีการลดอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ
อย่างไรก็ตาม ยังมีลูกค้าบางส่วนอยู่ภายใต้มาตรการความช่วยเหลือของธนาคาร ซึ่งรวมถึงมาตรการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยทำให้ธนาคารต้องมีการบริหารจัดการดอกเบี้ยค้างรับที่เพิ่มขึ้น เพื่อให้ทั้งลูกค้าและธนาคารสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจปกติได้ นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเงินรับฝากลดลงจากอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยที่ลดลง ทำให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (NIM) อยู่ที่ระดับ 3.20% ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 1,031 ล้านบาท หรือ 4.28% ส่วนใหญ่จากการปรับมูลค่ายุติธรรม (Mark to market) ของสินทรัพย์ทางการเงินซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาด และรายได้สุทธิจากการรับประกันภัยที่ลดลง แม้ว่ารายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 1,110 ล้านบาท หรือ 6.57% หลัก ๆ จากค่าธรรมเนียมรับจากการจัดการกองทุน และค่านายหน้ารับจากการซื้อขายหลักทรัพย์ สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจำนวน 323 ล้านบาท หรือ 0.97% จากการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 41.54%
สำหรับผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/64 ธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นและภาษีเงินได้จำนวน 23,786 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนจำนวน 290 ล้านบาท หรือ 1.23% โดยธนาคารและบริษัทย่อยพิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มจำนวน 2,157 ล้านบาท หรือ 24.93% จากไตรมาสก่อน ทำให้กำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 8,894 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสก่อนจำนวน 1,733 ล้านบาท หรือ 16.31% โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 1,584 ล้านบาท หรือ 5.63% ส่วนใหญ่เกิดจากการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (NIM) อยู่ที่ระดับ 3.22%
ในขณะที่รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 756 ล้านบาท หรือ 6.36% เป็นผลจากการลดลงของรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ รวมทั้งการปรับมูลค่ายุติธรรม (Mark to market) ของสินทรัพย์ทางการเงิน ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาด ในขณะที่รายได้สุทธิจากการรับประกันภัยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ เพิ่มขึ้นจำนวน 538 ล้านบาท หรือ 3.25% อัตราส่วนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่นๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to income ratio) อยู่ที่ระดับ 41.78%
ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิ.ย.64 ธนาคารและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมจำนวน 3,886,863 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 63 จำนวน 228,065 ล้านบาท หรือ 6.23% ส่วนใหญ่เป็นการเติบโตของเงินให้สินเชื่อ และการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนสุทธิ สำหรับเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (%NPL gross) อยู่ที่ระดับ 3.95% อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage ratio) อยู่ที่ระดับ 154.09% อัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินกสิกรไทยตามหลักเกณฑ์ Basel III อยู่ที่ 18.19% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 15.86%
KUN หุ้นกู้ฮอต สถาบัน-รายใหญ่เชื่อมั่นธุรกิจ
THAI พร้อมกลับเข้าซื้อขายบนกระดาน 4 ส.ค.นี้
WP สัญญาณดี! ธุรกิจครึ่งปีหลังแนวโน้มโตสวย
GUNKULเดินกลยุทธ์สร้าง Resilient Growth รุก 3 ธุรกิจหลัก
THAI พร้อมคืนชีพกระดาน SET - LHBANK วางกลยุทธ์ครึ่งปีหลัง รุกSME-เทรดไฟแนนซ์
ตลท. มีมติตั้ง 2 กรรมการรายใหม่