โดยมีการนำเทคโนโลยี Image Processing และเทคโนโลยี Artificial Intelligence หรือ AI มาพัฒนารวมเป็น AI as a Service ประกอบเข้ากับฐานข้อมูลและบุคลากรผู้เชี่ยวชาญด้านการเทรน AI และสร้างโมเดล Car Damage Detection ของเมืองไทยประกันภัยออกมาเป็นระบบตรวจสภาพรถยนต์แบบใหม่ โดยจะประเดิมให้บริการผ่านบริษัท โพรเกรส มัลติ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด (PMIB) ถือหุ้นโดยบริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือธนาคารกสิกรไทย
ทั้งนี้ ในช่วงแรกระบบจะทำงานแบบไฮบริด (Hybrid) คือ ตรวจสอบสภาพรถยนต์ด้วยโดยเทคโนโลยี AI และทีมบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ โดยลูกค้าสามารถส่งภาพถ่ายเพื่อตรวจสภาพรถยนต์ได้ด้วยตนเอง เปรียบเสมือน Self-service จากนั้น AI จะทำการประมวลผลจากรูป ถ้าพบความเสียหายของตัวถังรถ ระบบจะทำเครื่องหมายให้อัตโนมัติ ก่อนจะส่งไปยังหน้าจอของทีมตรวจสภาพรถยนต์เพื่อทำการยืนยันอีกครั้งหนึ่ง กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที ผ่านระบบออนไลน์ที่ใช้งานง่ายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ความแม่นยำของ AI จะพัฒนาเพิ่มมากขึ้นเมื่อมีผู้ใช้งานระบบมากขึ้น จึงคาดว่าในอนาคตอีก 1-2 ปีข้างหน้า ระบบ AI จะเรียนรู้และพัฒนาความสามารถจนเข้ามาทำหน้าที่ตรวจสภาพรถยนต์แบบอัตโนมัติโดยสมบูรณ์
สำหรับกระบวนการพัฒนาเทคโนโลยีสำหรับระบบ AI Car Inspection จะประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก คือ 1.การเตรียมข้อมูลและรูปภาพ รวมทั้งระบบที่ใช้สอน AI ในการตรวจสอบสภาพรถยนต์ ซึ่งทาง KBTG และเมืองไทยประกันภัย พัฒนาร่วมกันขึ้น 2. การสร้างโมเดล AI ซึ่งเป็นส่วนที่ทาง KBTG ดูแลทั้งหมด และ 3.การนำ AI ไปใช้ในทางธุรกิจ ซึ่งเป็นส่วนที่ทางเมืองไทยประกันภัยนำไปให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เข้าถึงผู้บริโภคได้ง่าย และสะดวกมากยิ่งขึ้น อีกทั้งช่วยให้ธุรกิจประกันภัยมีศักยภาพและเติบโตก้าวหน้าต่อไปบนแพลตฟอร์มดิจิทัลในอนาคตได้
นอกจากนี้ KBTG และ เมืองไทยประกันภัย มีแผนที่จะขยายช่องทางการตรวจสภาพรถยนต์ด้วย AI ไปยังช่องทางอื่น ๆ เพื่อให้บริการลูกค้าได้อย่างครอบคลุม รวมถึงนำ AI ไปใช้กับบริการอื่น ๆ ในระบบนิเวศของการประกันภัยรถยนต์ เช่น การเคลมประกันภัย