Phones





NOBLE ตั้งเป้ายอดขายปี 65 แตะ 2.8 หมื่นล.

2022-01-18 16:10:00 245




นิวส์ คอนเน็คท์ - NOBLE ตั้งเป้ายอดขายปี 65 โต 2.8 หมื่นล้านบาท ยอดโอนกรรมสิทธิ์ 13,000 ล้านบาท ตุน Backlog กว่า 5,700 ล้านบาท ลุยเปิดโครงการใหม่ 18 โครงการมูลค่า 4.77 หมื่นล้านบาท 

เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2565 นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า ตั้งเป้ายอดขายปี 2565 แตะ 28,000 ล้านบาท ยอดโอนกรรมสิทธิ์ 13,000 ล้านบาท รวมโครงการร่วมทุน ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้เกิน 10,000 ล้านบาท โดยมีสินค้าพร้อมขาย (Backlog) รองรับแล้ว 5,700 ล้านบาท

ขณะเดียวกันในปี 65 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 18 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 47,700 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการประเภทแนวราบรวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise จำนวน 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 18,800 ล้านบาท และโครงการประเภทแนวสูงจำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 28,900 ล้านบาท

โดยในช่วงไตรมาส 1/65 เตรียมประเดิมเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม พร้อมกัน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 15,000 ล้านบาท โดยชูจุดเด่น 3 คอนโดติดห้าง 1 โครงการใจกลางอารีย์ และ 1 โครงการแลนด์มาร์คใจกลางดอนเมือง ได้แก่  

นอกจากนี้ยังมีโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ในปีนี้อีก 14 โครงการแบ่งเป็น 1) โครงการคอนโดมิเนียมแนวสูง จำนวน 4 โครงการ คือ และโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise จำนวน 10 โครงการ คือ โครงการโนเบิล เกเบิล วัชรพล โครงการนิว โนเบิล คอนเน็กซ์ เฮ้าส์ ดอนเมือง โครงการนิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา และโครงการใหม่บนถนนเอกมัยรามอินทรา ถนนราชพฤกษ์ ถนนสุขสวัสดิ์ ถนนจำเนียรเสริม และอำเภอชะอำ ซึ่งจะทยอยสร้างและโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นไป

รวมถึงในช่วงไตรมาส 1/65 “โนเบิล” เตรียมประเดิมเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม พร้อมกัน 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 15,000 ล้านบาท โดยชูจุดเด่น 3 คอนโดฯติดห้าง 1 โครงการใจกลางอารีย์ และ 1 โครงการแลนด์มาร์คใจกลางดอนเมือง ได้แก่  

สำหรับปี 65 บริษัทได้ตั้งเป้าการซื้อโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างเสร็จแล้วจำนวน 550 ห้อง ในแถบมิดแลนด์ และตอนเหนือของอังกฤษ ด้วยมูลค่าการลงทุนประมาณ 100 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง จากสถานการณ์สภาวะตลาดในปัจจุบันมีความน่าสนใจเนื่องจากราคาซื้อขายต่ำกว่าอสังหาริมทรัพย์ที่สร้างใหม่กว่า 30% และด้วยระยะเวลาการลงทุนที่สั้นบริษัทฯคาดว่าอัตราผลตอบแทนของส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ประมาณ 20%-25% ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของบริษัทฯ

ส่วนภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 65 จะฟื้นตัวขึ้นจากปี 64 เนื่องจากเริ่มมีความผ่อนคลายผ่อนคลายความกังวลประกอบกับภาครัฐที่มีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ที่เป็นข้อจำกัดมากขึ้น ทั้งการต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและค่าธรรมเนียมจำนอง ออกไปถึงสิ้นปี 65 การผ่อนปรนต่างชาติให้เข้ามาถือครองอสังหาริมทรัพย์ไทยได้นานขึ้น รวมถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประกาศผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (มาตรการ LTV) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านภาคอสังหาริมทรัพย์ไปถึงสิ้นปี 65 ซึ่งถือว่าเป็นอานิสงส์บวกต่อภาพรวมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้

นอกจากนี้บริษัทอยู่ระหว่างดำเนินการเพิ่มช่องทางในการชำระเงินให้กับลูกค้า โดยการนำสกุลเงินดิจิทัลมาใช้ในการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการใช้คริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) เบื้องต้นคาดกระบวนการจะเสร็จสิ้นและสามารถชำระได้ภายในไตรมาส 2/65