Phones





PTGรุกหนัก non-Oil ทุ่ม 200 ล.เปิด ‘PT Max Park Salaya’

2022-02-14 18:32:31 532



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – PTG เดินหน้าเพิ่มรายได้ non-Oil ทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาท เปิด “PT Max Park Salaya” สถานีบริการน้ำมันและคอมมูนิตี้มอลล์ พร้อมมองโอกาสเปิดสถานีบริการรูปแบบดังกล่าวในพื้นที่อื่นๆเพิ่มเติม ขณะที่วางแผนเพิ่มจุดใบริการ EV Charger เป็น 35 แห่งภายในสิ้นปีนี้จากปัจจุบันมีจุดให้บริการราว 18 แห่ง
 
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 นายสุทธิพงษ์ วรรณวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ปิโตรเลียมไทยคอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ PTC ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้เปิดโครงการ “PT Max Park Salaya” บนเนื้อที่ 9 ไร่ ริมถนนบรมราชชนนี ฝั่งขาเข้า อำเภอศาลายา จังหวัดนครปฐม อย่างเป็นทางการในวันนี้(14ก.พ.) ซึ่งจะแบ่งพื้นที่บริการเป็น 2 ส่วน คือ สถานีบริการน้ำมันและคอมมูนิตี้มอลล์ สูง 2 ชั้น 1 อาคาร และชั้นครึ่ง 1 อาคาร ที่จะมีทั้งร้านค้าชั้นนำในเครือบริษัท PTG และพันธมิตรทางธุรกิจกว่า 30 ร้านค้ามาเปิดให้บริการ
 
โดยโครงการดังกล่าวบริษัทได้มีการใช้เงินลงทุนไปกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ใช้รถยนต์ และชุมชนโดยรอบ “PT Max Park Salaya” โดยการลงทุนดังกล่าวถือเป็นก้าวสำคัญในการเดินหน้าตามกลยุทธ์ของ PTG ในการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจ non-Oil ซึ่ง “PT Max Park Salaya” จะเริ่มให้บริการเต็มรูปแบบตั้งแต่เดือนพ.ค.65 เป็นต้นไป และหลังจากนั้นอีก 6 เดือนบริษัทจะมีการประเมินผลตอบรับของลูกค้า เพื่อพิจารณาการลงทุนในสถานีบริการรูปแบบดังกล่าวเพิ่มเติมไปยังพื้นที่อื่น
 
“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเราได้มีการขยายสาขาในเชิงรุกไปตามพื้นที่ต่างจังหวัด และตามถนนสายรอง ซึ่งตอนนี้เรามองเครือข่ายสถานีบริการน้ำมันของเราค่อนข้างครอบคลุมในหลายพื้นที่ และตอนนี้เราจะมาเจาะตามถนนสายหลักเพิ่มมากขึ้น ซึ่ง“PT Max Park Salaya” ถือเป็นก้าวแรกของเรา และเราจะใช้เวลาราว 6 เดือนหลังจากเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในเดือนพ.ค. เพื่อประเมินผลตอบรับจากลูกค้า และเพื่อให้เราใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจสถานีบริการรูปแบบดังกล่าวในพื้นที่อื่นๆเพิ่มเติม ซึ่งหากผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ ก็อาจจะเห็นอีก 1 แห่งในช่วงปลายปีนี้” นายสุทธิพงษ์ กล่าว
 
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการลงทุนในส่วนของการเพิ่มจุดให้บริการ EV Charger โดยเป็นการร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หรือ EGAT ซึ่งปัจจุบันมีจุดให้บริการอยู่ราว 18 แห่ง และตั้งเป้าหมายว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีจุดให้บริการเพิ่มเป็น 35 แห่ง ซึ่งทุก 1 แห่งจะมีหัวชาร์จจำนวน 2 หัว อย่างไรก็ตาม ในอนาคตอาจมีการพิจารณาการติดตั้งจุดให้บริการ EV Charger เพิ่มเติม โดยจะขึ้นอยู่กับนโยบายของภาครัฐในการสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด ปริมาณการใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น และภาวะเศรษฐกิจ