Phones





PTG ตั้งเป้าEbitdaปีนี้อยู่ที่15-20% โชว์รายได้ปี64โต28%

2022-02-28 16:07:45 224



นิวส์ คอนเน็คท์ - PTG ตั้งเป้า Ebitda ปี 65 อยู่ที่ 15-20% ทุ่มเงิน 4 พันล้านบาท ลุยขยายธุรกิจรอบด้าน เปิดงบปี 64 มีรายได้ 1.33 แสนล้านบาท ส่วนกำไรอยู่ที่ 1.01 พันล้านบาท 

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2565 นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจีเอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันในปีนี้เพิ่มขึ้น 6-10% และประเมินกำไรก่อนหักภาษีและค่าเสื่อม (EBITDA) อยู่ที่ 15-20%  และจากการเติบโตของธุรกิจแก๊ส LPG ทั้งในภาคอุตสาหกรรมในครัวเรือน ทำให้บริษัทคาดว่าปริมาณการการจำหน่ายแก๊ส LPG เติบโตได้ 50-60%

นอกจากนี้บริษัทได้ตั้งงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 3,500–4,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการลงทุนในการขยายและปรับปรุงธุรกิจน้ำมันและแก๊ส LPG ประมาณ 1,500–2,000 ล้านบาท ธุรกิจ Non-Oil 1,000–1,500 ล้านบาท และธุรกิจใหม่ 500 ล้านบาท ซึ่งมีแผนจะขยายสาขาสถานีบริการน้ำมันและแก๊ส LPG ประมาณ 80-100 สาขา เพิ่มร้านกาแฟพันธุ์ไทย 150-200 สาขา รวมถึงจุดบริการทัชพ้อยต์ 350-400 สาขา 

ขณะเดียวกันยังได้ขยายสถานีบริการน้ำมันคอมมูนิตี้มอลล์สุดทันสมัยแห่งแรก “PT Max Park Salaya” บนเนื้อที่ 9 ไร่ ริมถนนบรมราชชนนี ฝั่งขาเข้า อำเภอศาลายา จังหวัดนครปฐม ซึ่งแบ่งพื้นที่บริการเป็น 2 ส่วน คือ สถานีบริการน้ำมันและคอมมูนิตี้มอลล์ สูงชั้นครึ่ง 1 อาคาร และสูง 2 ชั้น 1 อาคาร ซึ่งมีทั้งร้านค้าชั้นนำในเครือบริษัท PTG และพันธมิตรทางธุรกิจรวมกว่า 30 ร้านค้า มาเปิดให้บริการ อีกทั้งยังมีพื้นที่สำหรับ Co-Working Space พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันไว้บริการสำหรับสมาชิก PT Max Card อีกด้วย โดยได้เปิดให้บริการเฟสแรกไปแล้ว เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2565 และเตรียมดำเนินการเปิดให้บริการเต็มรูปแบบประมาณเดือนพฤษภาคม 2565 

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายปันผลประจำปี 2564 ในอัตรา 0.25 บาทต่อหุ้น เป็นเงิน 417.5 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 20 พฤษภาคม 2565

ล่าสุดบริษัทได้แจ้งผลการดำเนินงานงวดปี 64 มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 133,759 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,934 ล้านบาท หรือ 28.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 1,017 ล้านบาท  

สำหรับรายได้จากการขายและการให้บริการที่ปรับเพิ่มขึ้นยังคงมาจากรายได้ธุรกิจน้ำมันเป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วน 95.2% ของรายได้รวม จากปริมาณการจำหน่ายน้ำมันรวมทุกช่องทาง ทั้งผ่านสถานีบริการและค้าส่งผ่านอุตสาหกรรมรวมทั้งปี อยู่ที่ 5,020 ล้านลิตร ปรับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 1.2% เป็นไปตามเป้าที่บริษัทฯ ได้คาดการณ์ไว้ระหว่าง 1-4% 

ขณะที่รายได้จากธุรกิจ Non-Oil ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 4.8% ของรายได้รวม โดยรายได้จาก Non-Oil เติบโต 42.9% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และเติบโต 37.4% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากธุรกิจแก๊ส LPG ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีปริมาณการจำหน่ายแก๊สอยู่ที่ 300 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 72.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งในปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ในธุรกิจ LPG สำหรับรถยนต์เป็นอันดับ 2 ด้วยส่วนแบ่งอยู่ที่ 17.7% ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 5.5% ในปี 2563 นอกเหนือจากนี้ ยังมีรายได้จากธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มพันธุ์ไทย รวมถึงธุรกิจร้านสะดวกซื้อ Max Mart ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน