Phones





EE ลุยปิด3ดีลยักษ์ภายในมี.ค.นี้ โบรกฯให้ราคาพื้นฐาน3บาท

2022-03-01 09:36:19 131




นิวส์ คอนเน็คท์ - EE เดินหน้าลุยปิด 3 ดีลยักษ์ ภายใน มี.ค. นี้ พร้อมยึดยุทธศาสตร์สร้าง Supply Chain กัญชงครบวงจร ใหญ่สุดในอาเซียน ด้านโบรกเกอร์แห่หนุนพร้อมให้ราคาพื้นฐาน 3 บาท
 
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2565 นายวรศักดิ์ เกรียงโกมล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ EE เผยถึงความคืบหน้าหลังประกาศงบการเงินที่มีกำไรสุทธิปี 2564 กว่า 195 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้น 3,816% จากปีก่อน ว่าบริษัทยึดมั่นเป้าหมายเดิมคือเป็นผู้ดำเนินธุรกิจกัญชงครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน
 
“ตามที่บริษัทเคยประกาศจะพัฒนาในธุรกิจกัญชงซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ที่มีโอกาสเติบโตสูงและด้วยกฎหมายที่อำนวยให้ผู้ประกอบการสามารถดำเนินธุรกิจเพื่อแสวงหากำไรเชิงพาณิชย์ได้อย่างถูกต้อง วันนี้ EE เริ่มก้าวแรกอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการลงทุนในกัญชงต้นน้ำ กับ บริษัท แคนนาบิซ เวย์ จำกัด หรือ CW เจ้าของโรงเรือน Green House ขนาด 9,000 ตร.ม. ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีศักยภาพสูง และป้อนวัตถุดิบคุณภาพสู่ตลาดได้จำนวนมากพร้อมสัญญารับซื้อที่มีในมือที่มีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”

นายวรศักดิ์ กล่าวว่า ถึงจุดนี้บริษัทประสบความสำเร็จจากงานเพาะปลูกแล้ว โดยบนพื้นที่ 9,000 ตร.ม. เราได้ปลูก crop (รอบการปลูก) แรกจำนวน 50,000 ต้น แบ่งเป็น indoor และ outdoor อย่างละ 30,000 และ 20,000ต้น ตามลำดับ ซึ่งคาดว่าจะได้ช่อดอกแห้งไม่น้อยกว่า 5,000 กิโลกรัม ซึ่งมีราคาขายประมาณ 15,000 บาทต่อกิโลกรัม และคาดว่าการผลิตจะมีสาร CBD ไม่น้อยกว่า 15% ทั้งนี้ คาดว่าจะสามารถปลูกได้ประมาณ 3-4 crop ต่อปี คิดเป็นประมาณการรายได้ไม่น้อยกว่า 330 ล้านบาทต่อปี สำหรับโครงการ CW

ส่วนเป้าต่อไปคือ การพัฒนาอุตสาหกรรมกลางน้ำที่ปัจจุบันเราได้ศึกษามาเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่า จะใช้เทคโนโลยีอะไร เหลือเพียงสรุปรายละเอียดเรื่องพันธมิตร รวมถึงเรื่องอุปกรณ์ สเปกเครื่องสกัดอีกเล็กน้อย โดยเราตั้งเป้าแถลงถึงโครงการสกัดกลางน้ำในไตรมาส 2 และคาดว่าจะสร้างรายได้ในไตรมาส 4 ปี 2565

ในส่วนอุตสาหกรรมปลายน้ำเราตั้งเป้าจะพัฒนา ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์เชิงสุขภาพ Premium Supplement Products ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงสุดหากเทียบกับประเภทอื่นๆ และมีคุณภาพตอบสนองกลุ่มเป้าหมายในระดับพรีเมียม (Premium Class) โดยบริษัทคาดการณ์ว่าจะสามารถออกผลิตภัณฑ์เหล่านี้สู่ตลาดภายในปี 2566 หรือเมื่อ supply ของวัตถุดิบหรือสารสกัดจากกัญชงในโครงการต้นน้ำของกลุ่มบริษัท EE มีปริมาณและเสถียรภาพมากพอ

“Roadmap ทั้งหมดนี้ ถือเป็นการเดินตามแผนยุทธศาสตร์ 3 ปี ขององค์กร นั่นคือ EE เราตั้งเป้าจะเป็นผู้นำทางด้านธุรกิจกัญชงครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ-กลางน้ำ และปลายน้ำ โดยเราจะนำเทคโนโลยีด้านการเกษตร (Smart Farming) และการสกัด มาผนวกกับทีมงานวิจัยด้านต่างๆ เพื่อเชื่อมรวมเข้าด้วยกันและนำสู่ผลลัพธ์ที่มีคุณภาพสูงสุด” นาย วรศักดิ์ กล่าว
 
ล่าสุดนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (KGI) ได้ประเมินราคาบริษัท EE (ณ วันที่ 26 มกราคม 2565) ไว้ที่ 3 บาทต่อหุ้น โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่าตลาดมีความต้องการผลิตภัณฑ์จากกัญชงสูง เนื่องจากสามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมการแพทย์ โดยเฉพาะสารสกัด CBD จากช่อดอกกัญชง รวมถึงอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม กระแสความนิยมบริโภคกัญชงคาดว่าจะเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในช่วง 1 - 3 ปีแรก จะเป็นปัจจัยหนุนราคาผลิตผลกัญชง เนื่องจากอุปทานยังมีจำกัด รวมทั้งภาครัฐฯยังมีการสนับสนุนด้วยการห้ามนำเข้าผลิตผลจากกัญชงไปอีก 4 ปี (ถึงปี 2568) จะเป็นช่วงของการเก็บเกี่ยวผลการดำเนินงานที่ดีของ EE ผลิตผลจากกัญชงจากแหล่งเพาะปลูกของ CW มีสัญญารับซื้อจากผู้ประกอบการขั้นกลางน้ำแล้ว การประเมินจากการดำเนินงานของ CW เพียงโครงการเดียว คาดกำไรเฉลี่ยปีละ 200 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 2565 ถึงปี 2567 จึงแนะนำ "ซื้อ" เป้าพื้นฐาน 3.0 บาท หรือ upside 43%