Phones





PCC เคาะไอพีโอหุ้นละ 4.00 บาท เปิดจองซื้อ 10-12 ต.ค.65

2022-10-04 16:06:49 255



นิวส์​ คอนเน็คท์​ -​ PCC เคาะราคาไอพีโอหุ้นละ 4.00 บาท เปิดจองซื้อ 10-12 ต.ค.65 ได้ฤกษ์เข้าเทรดภายในเดือนตุลาคมนี้ ชูจุดแข็งผู้นำในธุรกิจโซลูชั่นครบวงจรของ Smart Grid

บมจ.พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น หรือ PCC เคาะราคาขายไอพีโอ 4.00 บาท/หุ้น กำหนดเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 10-12 ตุลาคม 2565 คาดเข้าเทรดใน SET เดือนตุลาคมนี้ ด้านธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ที่ปรึกษาทางการเงินและบล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย มั่นใจนักลงทุนให้การตอบรับดีเยี่ยม ชี้เป็นผู้นำในธุรกิจโซลูชั่นครบวงจรของ Smart Grid ด้านผู้บริหาร “กิตติ สัมฤทธิ์” มั่นใจแนวโน้มผลงานในอนาคตโดดเด่น พร้อมลุยโปรเจคใหม่หนุนธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น

นางสาววีรยา ศรีวัฒนะ หัวหน้าฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ บมจ.พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น หรือ PCC กล่าวว่า บริษัทฯ ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่่วไป (IPO) ในราคาหุ้นละ 4.00 บาท โดยจะเปิดให้จองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 10-12 ตุลาคม 2565 และคาดว่าจะสามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ในเดือนตุลาคมนี้ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า "PCC" ในกลุ่มอุตสาหกรรม ทรัพยากร พลังงานและสาธารณูปโภค

ทั้งนี้ จำนวนหุ้นที่เสนอขายไม่เกิน 307,000,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 25.03 ของจํานวนหุ้นสามัญที่ออกและชําระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ โดยมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายอีก 5 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด, บริษัท หลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด 

"การกำหนดราคาไอพีโอในที่ระดับ 4.00 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E) ประมาณ 19.16 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิของบริษัทฯ ในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ซึ่ง PCC เป็นหุ้นพลังงานที่มีความน่าสนใจในการลงทุนเป็นอย่างมาก จากความสามารถในการแข่งขันและมีศักยภาพที่เติบโตต่อไปอีกมากในอนาคต รวมถึงผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ที่โดดเด่น มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมระบบไฟฟ้ามานานเกือบ 40 ปี" นางสาววีรยา กล่าว
นายปาลธรรม เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวาณิชธนกิจ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) ที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า จุดเด่นของ PCC คือการเป็นผู้นำในธุรกิจโซลูชั่นครบวงจรของ Smart Grid และมีสินค้าที่หลากหลาย ครอบคลุมตามต้องการของระบบจำหน่ายกระแสไฟฟ้า นอกจากนี้ PCC ยังมีการศึกษาเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อใช้ในสินค้าและบริการ นำเสนอให้แก่ลูกค้า เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุด จึงทำให้มีผลิตภัณท์และระบบงานที่หลากหลายครอบคลุมในส่วนของธุรกิจ Smart Grid

"หุ้น PCC เป็นหุ้นพลังงานที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องและเป็นหุ้นตัวแรกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่โฟกัสด้านระบบส่งและจำหน่าย และ Smart Grid ซึ่งระบบไฟฟ้าในอนาคตจะเปลี่ยนไปมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น มีรถ EV และ Charging Station รวมถึงการลงทุน Solar cell จากบ้านเรือนเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น ระบบไฟฟ้าย่อมจะต้องมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ซึ่งสนับสนุนให้บริษัทฯมีโอกาสที่จะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง อีกทั้งในระยะยาวบริษัทฯจะเติบโตไปพร้อมกับระบบไฟฟ้าที่จะพัฒนาเป็น Smart Grid ในอนาคต ซึ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) มีแผนการลงทุนในเฉพาะส่วนของ Smart Grid ถึง 2 แสนล้านบาท” นายปาลธรรม กล่าว
นายกิตติ สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) (PCC) กล่าวว่า จำนวนเงินที่คาดว่าจะได้จากการระดมทุนครั้งนี้อยู่ที่ประมาณ 1,228 ล้านบาท ในเบื้องต้นมีวัตถุประสงค์การใช้เงินได้แก่ 1.เพื่อนำไปใช้เป็นเงินลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา และโครงการในอนาคตอื่น มูลค่า 350 ล้านบาท ภายในปี 2565 – 2567 2.เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน มูลค่า 194 ล้านบาท ภายในปีนี้ และ 3. ชำระคืนเงินกู้จากสถาบันการเงินมูลค่า 650 ล้านบาทภายในปีนี้


“บริษัทฯมั่นใจว่า ภายหลังจากการระดมทุนในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทฯมีศักยภาพในการทำธุรกิจให้มีการเติบโตมากขึ้น รวมทั้งมีความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน และเป็นที่ยอมรับของคู่ค้าทั้งภาครัฐและเอกชน ขณะเดียวกันทำให้บริษัทฯมีต้นทุนในการดำเนินธุรกิจที่ลดลง สนับสนุนความสามารถในการทำกำไรสูงขึ้น และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ในอนาคต" นายกิตติ กล่าว