Phones





NER 8 โบรกฯชี้ แนะนำ "ซื้อ" หลังงบ Q3/65 แจ่ม

2022-11-14 12:34:25 437



นิวส์ คอนเน็คท์ - NER ยังโตแกร่ง โบรกฯ แนะนำ “ซื้อ” หลังงบ Q3/65 โต 20% จากราคายางพาราที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และการจัดการต้นทุนขายได้ดี

ผู้สื่อข่าว "นิวส์ คอนเน็คท์" รายงานว่า บริษัทหลักทรัพย์ได้เผยแพร่บทวิเคราะห์ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลางทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดย บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ระบุว่า ราคาหุ้นปรับฐานสะท้อนแรงกดดันมากแล้ว ขณะที่กำไรปกติ Q3/22 ทรงตัวเมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ฟื้นตัวเด่น 39% จากไตรมาสก่อน หนุนจากปริมาณขายที่ฟื้นตัว จากปัญหาขนส่งที่คลี่คลายแล้ว ขณะที่แนวโน้ม Q4/22 เบื้องต้นคาดเติบโตต่อเนื่อง จากการเร่งส่งมอบสินค้าตามเป้า ขณะที่ระยะถัดไปแม้คาดอาจเห็นผลลกระทบราคายางที่ลดลง ในช่วงครึ่งแรกของปี 2023 แต่จะชดเชยได้จากปริมาณขายที่ขยายตัว และต้นทุนค่าขนส่งที่ลดลง ภาพรวมจึงยังคงคาดกำไรปกติ ปี 2023 เติบโต 11% จากปี 2022 ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยมีการ roll over ไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2023 ที่ 8.3 บาท ยังมี Upside และปันผลสูงคงคำแนะนำ "ซื้อ"
 
ด้าน บล.เอเซีย พลัส ระบุ จะเห็นการฟื้นตัวต่อเนื่องใน Q4/65 หลังกำไรสุทธิงวด Q3/65 เท่ากับ 529 ล้านบาท ใกล้เคียงกับที่คาด เพิ่มขึ้นถึง 38% จากไตรมาสก่อน และ 20% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน จากปริมาณขายยางพาราเพิ่มขึ้นถึง 40% มาที่ 1.2 แสนตัน และ Gross margin ปรับเพิ่มขึ้นมาที่ 13.4% ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิงวด Q4/65 จะเติบโตจากงวด Q3/65 จากแนวโน้มปริมาณขายยางพาราเพิ่มขึ้น และคาด gross margin งวด Q4/65 จะยังดีต่อเนื่องคาดกำไรสุทธิปี 2566 จะเพิ่มขึ้น 10% จากปี 65 จากแนวโน้มปริมาณขายยางพาราและทิศทางราคายางพาราปรับเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แม้ว่า

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยจะปรับไปใช้ FV ปี 2566 เท่ากับ 9 บาท อิง PER 8 เท่า ราคาหุ้นปรับฐานไปกว่า 15% YTD สะท้อนความเสี่ยงเกี่ยวกับเศรษฐกิจโลกชะลอตัว จนล่าสุดมีค่า PER ปี 2566 เพียง 5 เท่า มี Upside อีกกว่า 51% และยังสามารถคาดหวัง DivYields ได้กว่า 7% จึงยังแนะนำ "ซื้อ"

ขณะที่ บล. ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุ กำไร Q3/22 ดีตามคาด, ราคายางพ้นจุดต่ำสุดแล้ว คงคำแนะนำ “ซื้อ” และ roll over ราคาเป้าหมายไปเป็นปี 2023 ที่ 7.60 บาท อิง 2023E PER 6.0x(+1.0 S.D. above 5-yr average PER) จากเดิมที่ 9.0 บาท อิง PER ที่ 7.1 เท่า (+1.75 S.D.) พร้อมทั้งคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2022 ที่ 1,941 ล้านบาท (+5% YoY) และปี 2023E ที่ 2,211 ล้านบาท (+14% YoY) จากสมมติฐาน 1) ปริมาณขายยางพาราอยู่ที่ 460,000 ตัน และ 500,000 ตัน, 2)คงราคาขายยางเฉลี่ยอยู่ที่ 55 บาท/กก และ 3) คง gross margin 2022E/23E อยู่ที่ 12.6% ราคาหุ้น underperform SET -2%/-11% ใน 3 และ 6 เดือน จากราคายางที่ปรับตัวลงจากความกังวลอุปสงค์การใช้ยางที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว อย่างไรก็ตาม valuation ปัจจุบันน่าสนใจโดยเทรดที่ 2023E PER 4.7 เท่า และมี dividend yield ถึง 8.3% โดยเราคาดกำไรจะกลับมาโต +14%ปี 2023E จากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น

ส่วน บล. พาย ระบุ Q3/22 กำไรดีเกินคาด ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยประเมินมูลค่าพื้นฐานที่ 8.9 บาท (8XPER’23E) ด้วยปัจจัยบวกจากผลประกอบการงวด 3Q22 ออกมาดีเกินคาด หลังจากได้รับผลดีจากราคาขายและปริมาณขายที่อยู่ในระดับสูง และทำให้กำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นมาอยู่ในระดับ 13.4% ขณะที่แนวโน้มในช่วง 4Q22 คาดปริมาณขายยังดีหนุนกำไรให้สูงกว่า 500 ล้านบาทได้ ส่วนแนวโน้มในอนาคตด้วยค่ายรถจากจีนมาตั้งโรงงานในไทยเพิ่มหนุนความต้องการยางให้เพิ่มขึ้นเช่นกัน