Phones





ส.การค้ายาสูบรุกพบคลัง ค้านขึ้นภาษีเท่าตัว

2019-10-31 16:07:12 405




นิวส์ คอนเน็คท์ - สมาคมการค้ายาสูบไทย เผยผลสำรวจนิด้าโพล ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก 90% ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นภาษีบุหรี่รอบหน้า เหตุเศรษฐกิจกำลังแย่ ยอดขายลดลงทั้งบุหรี่และภาษียาเส้น ย้ำไม่เอาภาษีบุหรี่ 40% เดือนตุลาคมปีหน้า เตรียมนำเสนอผลการสำรวจความคิดเห็นต่อกระทรวงการคลัง และนายกรัฐมนตรี ช่วยด่วน



เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2562 นางวราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้า ทางสมาคมฯ จะประสานไปยังกระทรวงการคลัง เพื่อขอเข้าพบนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง หรือนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อนำเสนอข้อมูลผลกระทบต่อร้านค้าโชห่วย หากรัฐบาลมีการปรับขึ้นภาษียาสูบและยาเส้นอีกเท่าตัวในวันที่ 1 ต.ค.2563 โดยข้อมูลที่จะนำเสนอต่อกระทรวงการคลัง ได้มาจากการทำการสำรวจเรื่องผลกระทบร้านค้าปลีกจากนโยบายการขึ้นภาษียาสูบ โดยสถาบันพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า



ทั้งนี้ จากผลสำรวจความเห็นของร้านค้าโชห่วยที่ขายยาสูบใน 7 จังหวัด (กรุงเทพฯ อุบลราชธานี อุดรธานี เชียงใหม่ เชียงราย นครศรีธรรมราช และสงขลา) จำนวนทั้งสิ้น 1,029 ร้าน เมื่อเดือนกันยายน 2562 ยังพบว่า ร้านค้าร้อยละ 95 คาดว่าจะถูกกระทบหากขึ้นภาษีบุหรี่ในปี 63 โดยแบ่งเป็น ร้อยละ 57 มองว่าผลกระทบหลักมาจากรายได้ที่จะลดลงจากการขายบุหรี่ ร้อยละ 29 มองว่าผลกระทบหลักจะเป็นเรื่องของเงินทุนที่อาจมีปัญหาเพราะต้นทุนบุหรี่แพง และ ร้อยละ 9 มองว่าผลกระทบหลักจะมาจากการที่ขายสินค้าอื่นลดลงตาม


"ถ้ารัฐบาลยังยืนยันที่จะขึ้นภาษีแน่นอน เราก็จะเสนอต่อกระทรวงการคลัง หรือส่งต่อไปยังนายกรัฐมนตรี ว่าจากข้อมูลที่ทำการสำรวจโดยหน่วยงานที่มีความน่าเชื่อถือออกมาอย่างไร มีผลกระทบอย่างไร ซึ่งเป็นผลสะท้อนออกมาจากร้านค้าโชห่วย เพื่อให้มีการหาแนวทางในการทำให้ร้านค้าโชห่วยกระทบน้อยที่สุด และรัฐก็ยังเก็บภาษีได้ด้วย ดีกว่ามีการปรับขึ้นภาษีแพงๆ แล้วปล่อยให้มีบุหรี่เถื่อนออกมาวางขายมากขึ้น" นางวราภรณ์ กล่าว




โดยในระยะ 2-3 ปีที่ผ่านมา กระทรวงการคลังขึ้นภาษียาสูบและยาเส้นเป็นระลอก เริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 ที่ปรับขึ้นภาษีบุหรี่ 2 ชั้น ทำให้ราคาบุหรี่ถูกที่สุดแพงขึ้นกว่า 50% จนปัญหาบุหรี่เถื่อนรุนแรงขึ้น และผู้สูบบุหรี่หันไปสูบยาเส้นที่มีราคาถูกกว่าแทน และเมื่อเดือนพฤษภาคม ก็ได้มีการขึ้นภาษียาเส้นอีก จนทำให้ร้านค้าได้รับผลกระทบอย่างหนัก “สมาคมฯ ได้รับทราบปัญหาการค้าขายจากสมาชิกว่ายอดขายบุหรี่ (ที่ถูกกฎหมาย) และยาเส้นลดลง ซึ่งผลสำรวจของนิด้าโพลก็ชี้ให้เห็นว่า สถานการณ์โดยทั่วไปกำลังแย่ โดยร้อยละ 68 บอกว่าในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมากิจการโดยภาพรวมขายของได้น้อยลง ร้อยละ 73 บอกว่าขายยาเส้นได้น้อยลงตั้งแต่ขึ้นภาษียาเส้นเดือนพฤษภาคม 62 และร้อยละ 83 บอกว่าขายบุหรี่ได้น้อยลงตั้งแต่ขึ้นภาษีบุหรี่เดือนกันยายน 60 และร้านค้ากว่า ร้อยละ 90 ยืนยันเสียงเดียวกันว่า “ไม่เห็นด้วย” กับการขึ้นภาษีบุหรี่รอบหน้าจากร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 40 ในวันที่ 1 ตุลาคม 2563 เพราะคาดว่าจะทำให้รายได้จากการขายของลดลงและประสบปัญหาเงินหมุนเวียนไม่เพียงพอเพราะต้นทุนบุหรี่สูงขึ้น ซึ่งจะซ้ำเติมร้านค้าโชห่วยให้ค้าขายยากลำบากขึ้นไปอีก

ด้านตัวแทนร้านโชห่วย กล่าวว่า "ยาสูบหรือยาเส้นขึ้นราคาผู้สูบบุหรี่ก็ยังไม่เลิกสูบอยู่ดี ถ้ารัฐบาลจะขึ้นภาษีโดยให้กระทบพวกเราให้น้อยที่สุดก็น่าจะค่อยๆ ขึ้นเป็นช่วงๆ ไปจะดีกว่า พวกเราร้านค้าก็เข้าใจว่าราคาสินค้าต้องมีการปรับขึ้นกันบ้าง โดยเฉพาะสินค้าจำพวกบุหรี่หรือยาเส้น เพราะรัฐบาลก็อยากให้คนบริโภคน้อยลง แต่ก็อยากขอร้องว่าให้เห็นใจร้านค้าที่ทำมาหากินสุจริตบ้าง รัฐบาลขึ้นภาษีบุหรี่ครั้งละมากๆ ทุกครั้งไม่ได้เป็นผลดีกับใครเลย กลับทำให้ของเถื่อนทะลักอย่างที่เห็นกัน รัฐน่าจะเปลี่ยนมุมมอง จะขึ้นภาษีก็ลองมองวิธีการใหม่ๆ บ้าง ให้พวกเรายังอยู่กันได้ รัฐเองก็จะได้ไม่เสียรายได้ภาษีด้วย การขึ้นภาษีแบบเป็นขั้นเป็นตอน ทีละน้อย น่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า”

#นิวส์คอนเน็คท์
#สมาคมการค้ายาสูบไทย
#เบรกขึ้นภาษียาสูบ
#ร้านค้าโชห่วยกระทบหนัก