Phones





IRPC ตั้งเป้า EBITDA ปี 66 สูงกว่าปีนี้ ทุ่มงบลงทุน 5 ปี 3.6 หมื่นล.

2022-11-30 14:43:49 149



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - IRPC ตั้งเป้า EBITDA ปี 66 สูงกว่าปีนี้ และแตะ 35,000 ล้านบาทในปี 73 อัดงบลงทุน 5 ปี 36,000 ล้านบาท ลุยลงทุนธุรกิจใหม่ หวังเพิ่มสัดส่วนแตะ 40%
 
เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 นายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า ตั้งเป้ากำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษีและค่าเสื่อมราคา (EBITDA) ปี 66 จะสูงกว่าปีนี้ ส่วนรายได้คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ 12% จากกำลังการผลิตที่ดีขึ้น หลังจากปีนี้มีการปิดซ่อมบำรุงเป็นส่วนใหญ่ รวมถึงควบคุมต้นทุนต่อเนื่อง และน่าจะไม่มีผลขาดทุนจากการป้องกันความเสี่ยง (Hedging Loss) เหมือนในปีนี้
 
ขณะที่บริษัทมีแผนจะใช้เงินลงทุนในระยะเวลา 5 ปี (66-70) ประมาณ 36,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นการลงทุนในส่วนของการร่วมทุน (JV) และซื้อกิจการจากพันธมิตรประมาณ 14,000 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่เป็น 40% ในอนาคตจากปัจจุบันอยู่ที่ 22% เพื่อลดความผันผวนของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity)
 
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะเพิ่มสัดส่วนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติกเกรดพิเศษ (Specialty Product) จาก 24% ในปี 65 เป็น 33% ในปี 66 โดยมุ่งเน้นการลงทุนในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Smart Material ที่สอดคล้องกับทิศทางของโลก อาทิ ด้านการแพทย์และการดูแลสุขภาพ (Health and Welness) ที่มีบทบาทสำคัญต่อการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ของผู้คนปัจจุบัน โดยในปีนี้ได้ดำเนินการลงทุนโครงการเม็ดพลาสติกพีพี สปันบอนด์ (PP Spunbond) 200,000 ตันต่อปี เพื่อรับกระแสการดูแลสุขภาพ
 
นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายการลงทุนโครงการพีพี่ เมลต์โบลน (PP Meltblown) 40,000 ตันต่อปี รวมถึงพีพีอาร์ (PPR: PP random copolymer pipe) 80.,000 ตันต่อปี ใช้ผลิตท่อน้ำร้อนน้ำเย็นชนิดทนทานพิเศษไร้สารทาเลตได้เป็นรายแรกของภูมิภาค และเอชดีพีอี 100- อาร์ซี (HDPE 100-RC) 40,000 ตันต่อปี ใช้ผลิตท์ออุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่มีความแข็งแรง ทนทาน และมีอายุการใช้งานนานถึง 100 ปี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 67
 
ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าหมาย EBITDA ระยะยาวไว้ที่ 25,000 ล้านบาท ในปี 68 และเพิ่มเป็น 35,000 ล้านบาท ในปี 73 ซึ่งการเติบโตทางธุรกิจจะเน้นต่อยอดจากความแข็งแกร่งของฐานธุรกิจปัจจุบัน (Existing Stream) และเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจใหม่ (New Stream)
 
ขณะเดียวกันบริษัทจะใช้กลยุทธ์มุ่งเน้นขับเคลื่อนและขยายธุรกิจปัจจุบันเข้าสู่ 5 กลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตสูง ได้แก่ Health and Life Science, Advanced Material, Circular Business, Future Energy และ Energy
Storage โดยใช้ความรู้ด้านนวัตกรรมและแสวงหาความร่วมมือกับหุ้นส่วนทางธุรกิจ ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามกลยุทธ์ 3C ซึ่งประกอบด้วย Climate Change, Circular Economy แล: Creating Shared Value สร้างความยั่งยืนให้องค์กร
 
ทั้งนี้ บริษัทพร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติพิเศษภายใต้แบรนด์ “POLIMAXX” ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการในอนาคต โดยเพิ่มตราสัญลักษณ์แสดงคุณสมบัติเด่นของผลิตภัณฑ์ ได้แก่ Pro-Eficient เป็นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่ม ในการใช้งาน Life-Pro เป็นผลิตภัณฑ์ส่งเริมความปลอดภัยต่อชีวิตและสุขภาพ เช่น Medical Supplies Product ส่วน Dura-Pro เป็นผลิตภัณฑ์ที่เสริมความแข็งแรง ทนทาน เช่น Automotive Construction และ Electrical & Home Appliance และ Eco-Pro เป็นผลิตภัณฑ์ส่งเสริมการเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น Kichenware & Utensil, Packaging และ Furniture ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้กับกลุ่มลูกค้า คู่ค้า และผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น จากการสร้างสรรค์นวัตกรรมไปพร้อมๆ กับโซลูซันที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่ลงตัว
 
นอกจากนี้ ยังสนับสนุนแผนยุทธศาสตร์ประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการแพทย์ หนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมาย (New S-curve) ตามนโยบาย Thailand 4.0 รวมทั้งรองรับการขยายตัวของสังคมเมือง และโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ สอดคล้องกับกลยุทธ์การต่อยอดนวัตกรรมสร้างคุณค่ให้สังคมควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม โดย IRPC ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊ซเรือนกระจก (GHG) ลง 20% ภายในปี 73 จากปีฐาน61 และเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 93 และการปล่อยก๊ซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emission) ภายในปี 2603 โดยล่าสุดได้ร่วมกับกลุ่ม ปตท. ในการศึกษาพัฒนาและลงทุนผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานชีวภาพแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel : SAF ) เพื่อมุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสำหรับอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก
 
ขณะที่ปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมีกำไรจากการสต็อกน้ำมัน (Stock gain) บนราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 94-96 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากปีก่อนที่มีราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 78.4 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล