Phones





NOBLE โชว์ยอดขายปี 65 นิวไฮ เดินแผนเปิด 10 โครงการใหม่

2023-02-23 22:47:10 173



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – NOBLE กางแผนปี 66 เดินหน้าเปิดตัว 10 โครงการใหม่ มูลค่ารวมกว่า 2.3 หมื่นล้านบาท พร้อมเป้าตั้งรายได้แตะ 1.5 หมื่นล้านบาท ด้านผลประกอบการปี 65 มีรายได้รวมแตะ 8,678 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 455 ล้านบาท โกยยอดขายทำ Record High ที่ระดับ 1.7 หมื่นล้านบาท
 
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนทั้งสิ้น 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 23,300 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบ รวมถึงโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise จำนวน 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 13,400 ล้านบาท และโครงการประเภทแนวสูงจำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 9,900 ล้านบาท โดยโครงการทั้งหมดจะกระจายตัวอยู่ทุกทิศของกรุงเทพฯ เช่น แถบกรุงเทพตะวันตก และตะวันออก เป็นต้น รวมถึงทำเลใจกลาง กลางเมือง
 
ทั้งนี้ จากการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจประกอบกับ Backlog ที่มีในมือ รวมถึงโครงการแนวราบที่จะเปิดตัวในปี 2566 ที่สามารถรับรู้รายได้ทันที และมีโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Inventory) ในทำเลที่มีศักยภาพ เช่น โครงการโนเบิล สเตท สุขุมวิท 39 และโครงการโนเบิล อราวน์ อารีย์ เป็นต้น จะส่งผลให้ทิศทางการดำเนินงานในปี 2566 ของบริษัทฯ เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าจะเห็นการเติบโตของรายได้รวมที่ระดับ 15,000 ล้านบาท และยอดขายที่ระดับ 23,000 ล้านบาท
 
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 4/65 กลับมาเทิร์นอะราวด์อย่างต่อเนื่อง โดยมีรายได้รวมที่ 3,946 ล้านบาท เติบโต 141% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และกำไรสุทธิอยู่ที่ 338 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9,185% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งสาเหตุหลักๆมาจากมีการส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ทั้งหมด 5 โครงการ โดยได้มีการทยอยส่งมอบตั้งแต่ไตรมาส 3-4/2565 ได้แก่ 1.) โครงการโนเบิล สเตท สุขุมวิท 39 2.) โครงการนิว ศรีนครินทร์–ลาซาล 3.) โครงการโนเบิล อราวน์ อารีย์ 4.) โครงการ นิว งามวงศ์วาน และ 5.) โครงการ นิว เซ็นเตอร์ บางนา ส่งผลให้ผลประกอบการปี 2565 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 8,678 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 455 ล้านบาท
 
ขณะที่ยอดขาย (Pre-sale) ในปี 2565 ที่ผ่านมา เติบโตแตะระดับ 17,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นยอดขายที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ (Record High) ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา หรือเติบโต 117% สอดคล้องกับภาพรวมของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและกำลังซื้อของผู้บริโภคกลับมา ส่งผลดีต่อ Sentiment ทั้งลูกค้าในกลุ่มที่เป็นซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง (Real Demand) และลูกค้าที่ซื้อเพื่อลงทุน โดยทั้ง 11 โครงการที่บริษัทเปิดตัวใหม่ มูลค่าโครงการรวม 31,550 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ณ สิ้นปี 2565 มูลค่าประมาณ 19,627 ล้านบาท และมียอดโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ (Inventory) ที่คาดว่าจะสามารถส่งมอบในปี 2566 มูลค่าราว 11,391 ล้านบาท ซึ่งจะรองรับการขายและการโอนกรรมสิทธิ์เพื่อสร้างการรับรู้รายได้รวมถึงผลตอบแทนที่ดีในปี 2566
 
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท(บอร์ด) เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2566 ที่ผ่านมามีมติอนุมัติการจัดสรรกำไรสุทธิงวดปี 2565 เพื่อจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.20 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นอัตราผลการจ่ายเงินปันผล (Dividend Payout Ratio) ที่ 60.2% โดยบริษัทจะนำเสนอเข้าประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2566 ในวันที่ 27 เม.ย. 2566 เพื่อทำการอนุมัติและกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) ในวันที่ 10 พ.ค. 2566 และกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 9 พ.ค. 2566 โดยจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 พ.ค. 2566
 
นอกจากนี้ บริษัทได้มีการต่อยอดธุรกิจบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงธุรกิจตัวแทนและนายหน้าอสังหาริมทรัพย์และบริการหลังการขายอสังหาริมทรัพย์ เพื่อสร้าง synergy กับธุรกิจหลัก โดยจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่จำนวน 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท เซิร์ฟ โซลูชั่น จำกัด, บริษัท เซิร์ฟ เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด และบริษัท เซิร์ฟ พีเอ็ม จำกัด