Phones





PROSPECT REIT เปิดจองซื้อหน่วยเพิ่มทุนราคาสูงสุด 9.70 บาท ชูผลตอบแทนกว่า 8%

2023-03-07 18:04:31 126



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - “PROSPECT REIT” เตรียมเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 1 จำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 130,000,000 หน่วย เปิดจองซื้อวันที่ 8-14 มี.ค. 66 ที่ราคาสูงสุด 9.70 บาทต่อหน่วยทรัสต์ คาดการณ์ผลตอบแทนภายหลังการเพิ่มทุนและเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม สูงกว่า 8% ต่อปี
 
เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 นางสาวอรอนงค์ ชัยธง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรอสเพค รีท แมเนจเมนท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ พรอสเพค โลจิสติกส์และอินดัสเทรียล หรือ PROSPECT REIT เปิดเผยว่า PROSPECT REIT เตรียมเสนอขายหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนครั้งที่ 1 จำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 130,000,000 หน่วย พร้อมเปิดให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยทรัสต์ ในวันที่ 21 ก.พ. 2566 (Record Date) จองซื้อในวันที่ 8-14 มี.ค. 2566 ที่ราคาสูงสุด 9.70 บาทต่อหน่วยทรัสต์ โดยสามารถเลือกจองซื้อได้ 2 ช่องทาง ได้แก่ 1.ระบบออนไลน์ www.tiscosec.com และ 2.สำนักงานใหญ่ของบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด (ผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์) กำหนดอัตราส่วนใช้สิทธิจองซื้อที่ 1 หน่วยทรัสต์เดิม ต่อ 0.4775 หน่วยทรัสต์ที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติม
 
สำหรับนักลงทุนทั่วไป จองซื้อในวันที่ 16-20 มี.ค. 2566 ช่องทางเดียว ที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด จองซื้อในราคาเสนอขายสุดท้าย ซึ่งจะประกาศภายในวันที่ 15 มี.ค. 2566 ผ่านเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หลังสำรวจความต้องการจองซื้อจากนักลงทุนสถาบัน (Bookbuilding) ซึ่งการจัดสรรหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนให้นักลงทุนทั่วไปตามดุลพินิจของผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์
 
อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่า 9.70 บาท ผู้ถือหน่วยเดิมที่ได้จองซื้อหน่วยทรัสต์เพิ่มทุนทุกราย จะได้รับเงินส่วนต่างค่าจองซื้อคืนในภายหลังวันจองซื้อวันสุดท้าย ทั้งนี้ คาดการณ์ผลตอบแทนภายหลังการเพิ่มทุนและเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติม สูงกว่า 8% ต่อปี
 
โดยการเพิ่มทุนครั้งแรกของ PROSPECT REIT เป็นอีกหนึ่งแนวทางในการสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนของกองทรัสต์ เพื่อนำไปลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินศักยภาพสูงของบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำนวน 2 โครงการ พื้นที่เช่ารวม 70,129 ตร.ม. รวมมูลค่าลงทุนไม่เกิน 1,800 ล้านบาท ได้แก่ โครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 2 (BFTZ 2) ถนนเทพารักษ์ มีพื้นที่เช่า 20,996 ตารางเมตร เป็นอาคารสำเร็จรูป Ready Built จำนวน 12 ยูนิต แบ่งเป็น 3 ประเภท ได้แก่ คลังสินค้า โรงงานแบบ Stand-alone และโรงงานขนาดเล็ก เป็นการลงทุนในรูปแบบสิทธิการเช่า ระยะเวลาลงทุนไม่เกิน 28 ปี และโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน 3 (BFTZ 3) ถนนบางนา-ตราด กม.19 มีพื้นที่เช่า 49,133 ตารางเมตร ประกอบด้วยอาคารคลังสินค้าสำเร็จรูป 23 ยูนิต โดยที่โครงการ BFTZ 3 ส่วนที่เข้าลงทุนเป็นพื้นที่ Free Zone ทั้งหมด เป็นการลงทุนในรูปแบบกรรมสิทธิ์
 
นายมานพ เพชรดำรงค์สกุล หัวหน้าธุรกิจขนาดใหญ่ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) ในฐานะตัวแทนที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ PROSPECT REIT กล่าวว่า ภายหลังการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งนี้ ประมาณการการจ่ายเงินออกให้ผู้ถือหน่วยของ PROSPECT REIT จะเพิ่มขึ้นจาก 0.84 บาทต่อหน่วย เป็น 0.86 บาทต่อหน่วย ซึ่งถือว่าเป็นผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจผันผวนในปัจจุบัน จึงเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตลงทุน
 
สำหรับทรัพย์สินศักยภาพสูงทั้งสองโครงการที่ PROSPECT REIT วางแผนเข้าลงทุน มีจุดเด่นคือ อยู่ในทำเลที่มีศักยภาพโซนบางนา-ตราด จุดยุทธศาสตร์ศูนย์กลางอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ รองรับกิจการทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ อีกทั้งอยู่ในพื้นที่ผังเมืองสีม่วงสำหรับประกอบการอุตสาหกรรม ประกอบกิจการได้ทั้งคลังสินค้าและโรงงาน ที่สำคัญ การลงทุนครั้งนี้จะทำให้ PROSPECT REIT มีพื้นที่ภายใต้การจัดการที่เป็นเขตปลอดอากร หรือ Free Zone เพิ่มขึ้น และเป็นการลงทุนในรูปแบบกรรมสิทธิ์ (Freehold) ถึง 76% ของมูลค่าลงทุนในครั้งนี้ รวมถึงมีทรัพย์สินแบบ Leasehold ที่มีระยะเวลาสิทธิการเช่าที่ยาวขึ้น ซึ่งจะเพิ่มเสถียรภาพให้กับกองทรัสต์ ช่วยสร้างโอกาสการเติบโตที่ส่งผลให้สามารถจ่ายผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวแก่ผู้ถือหน่วย
 
ทั้งนี้ ภายหลังการเพิ่มทุนและเข้าลงทุนเพิ่มเติม กองทรัสต์จะมีทรัพย์สินภายใต้การบริหารรวม 292,332 ตารางเมตร คาดว่าจะมีมูลค่าสินทรัพย์ตามงบการเงินของกองทรัสต์เพิ่มจาก 3,538 ล้านบาท เป็น 5,338 ล้านบาท