Phones





ALLกำไรQ3โต172%ลุยดีลร่วมทุนโรงแรม-ออฟฟิศ

2019-11-13 16:22:02 483




นิวส์ คอนเน็คท์ – ALL ตุน Backlog กว่า 11,400 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในไตรมาส 4/62 ราว 4,000 ล้านบาท หนุนรายได้รวมปี 62 เข้าเป้า วางแผนพัฒนาโครงการแนวราบ ตอบสนองดีมานด์ของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง พร้อมเตรียมปิดดีลโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรในการลงทุนก่อสร้างโรงแรมและออฟฟิศ


เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2562 นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ALL เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/62 บริษัทมีกำไรสุทธิ 129.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 172% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 47.57 ล้านบาท และมีรายได้รวมที่ 647 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 466 ล้านบาท


ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกของปี 2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 342.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 213.73 ล้านบาท และมีรายได้รวมที่ 2,339 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,602 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้จากการโอนอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้น โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 15% และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 36%


ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 3/62 บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) รวมมูลค่าราว 11,400 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 4/62 ประมาณ 4,000 ล้านบาท คิดเป็น 30% ของยอด Backlog และจะเหลือยอด Backlog อีกราว 7,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาในปี 63 ประมาณ 70% โดยยังไม่นับรวมกับโครงการอื่นๆ ที่บริษัทจะมีการเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยให้ผลประกอบการในช่วง 3 ปีนับจากนี้มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง


สำหรับยอดขาย (Presale) ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 62 อยู่ที่ 6,500 ล้านบาท ซึ่งยอดขายดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 90% ของเป้าหมายยอดขายปีนี้ที่บริษัทตั้งไว้ที่ 7,000 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 4/62 จะเป็นไตรมาสที่ดีสุดของปี เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งยังมีผลบวกจากการที่รัฐบาลออกมาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายในการโอนจาก 2% เหลือ 0.01% ของราคาประเมิน และค่าจดจำนองจาก 1% เหลือ 0.01% สำหรับการซื้อขายที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท รวมถึงการที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายมีการปรับลดลง ส่งผลให้ทั้งผู้ประกอบการกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และลูกค้าได้รับประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยดังกล่าว


ด้านทิศทางธุรกิจของบริษัทในปี 63 คาดว่าจะสามารถสรุปดีลร่วมทุนกับพันธมิตรในการลงทุนโครงการโรงแรมและออฟฟิศ ในพื้นที่ปริมณฑล โดยจะเป็นการร่วมมือกับพันธมิตร 2 ราย ได้แก่ JR Kyushu ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาในการร่วมพัฒนาโครงการ และพันธมิตรอีกรายที่เป็นผู้ที่มีความชำนาญในการพัฒนาโรงแรมและออฟฟิศอยู่แล้ว


นอกจากนี้ บริษัทจะมีการเปิดขายคอนโดมิเนียม Low Rise จำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่ง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (EIA) รวมทั้งมีแผนการขยายโครงการแนวราบมากขึ้น หลังจากที่ความต้องการซื้อโครงการแนวราบเพิ่มขึ้นอย่างมาก ประกอบกับเป็นการขยายฐานลูกค้าของบริษัทให้เพิ่มมากขึ้น โดยเบื้องต้นบริษัทมีที่ดินรองรับการเปิดขายโครงการทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยวไว้แล้ว จำนวน 2 โครงการ ส่วนงบซื้อที่ดินในปี 63 บริษัทตั้งไว้ที่ 3,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการซื้อที่ดินพัฒนาโครงการในปี 2563-2564