Phones





DDD ปี 66 ตั้งเป้ารายได้โต 20%

2023-03-27 14:27:12 95




เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2566 นายวันชัย ศรีสุชน ประธานเจ้าหน้าที่สายงานบัญชีและการเงิน บริษัท ดู เดย์ ดรีม จำกัด (มหาชน) หรือ DDD เปิดเผยว่า เดินหน้าตามกลยุทธ์ 4 ด้าน ประกอบด้วย กลยุทธ์ ด้านผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมสินค้า ด้านช่องทางการจัดจำหน่าย ด้านการขยายธุรกิจ ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการธุรกิจ โดยกลยุทธดังกล่าวยังเป็นกลยุทธที่จะผลักดันให้องค์กรเพื่อไปสู่เป้าหมายในระยะยาวด้วย
 
โดยกลยุทธ์ด้านการขยายธุรกิจ ถือเป็นหัวใจหลักที่จะทำให้ DDD Group เติบโตแบบก้าวกระโดด บริษัทฯมีแนวทางการขยายธุรกิจครอบคลุมถึงการเติบโตด้วยทรัพยากรภายใน (Organic Growth) และการเติบโตจากภายนอก (Inorganic Growth) รวมไปถึงการหาพันธมิตรทางธุรกิจ การควบรวมกิจการ การซื้อลิขสิทธิ์แบรนด์สินค้าและเครื่องหมายการค้าเพื่อนำเข้าและจัดจำหน่ายหรือผลิตและจัดจำหน่ายภายในประเทศ (Authorized Distributor) การขายลิขสิทธิ์แบรนด์สินค้าเพื่อผลิตและจัดจำหน่ายในต่างประเทศ (Brand Principal) และรูปแบบการดำเนินธุรกิจในรูปแบบอื่น (New Business Model) แต่อย่างไรก็ตามต้องคำนึงถึงความเสี่ยงและพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนการลงทุน
 
บริษัทฯ มุ่งเน้นที่จะขยายธุรกิจ Wellness and Lifestyle จึงมุ่งมองหาโอกาสทางธุรกิจ ให้ครอบคลุมรูปแบบการใช้ชีวิตของคนทุกเพศทุกวัย โดยแบ่ง 5 กลุ่มหลักได้แก่ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (Skin Care) ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัว (Personal Care) ผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์เสริมความงาม (Beauty Equipment) ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ (Sports and Wellness) และ ธุรกิจค้าปลีกและผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่องกับไลฟ์สไตล์ (Retail and Lifestyle) โดยอาศัยจุดแข็งด้านความเชี่ยวชาญและเข้าใจตลาด ซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบการดำเนินชีวิตที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและศักยภาพของตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การเติบโตของบริษัทฯเป็นไปอย่างยั่งยืน

สำหรับปี 2566 จากการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2566 มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องหลังจากผ่านพ้นจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นแรงสนับสนุนหลัก ที่จะส่งผลดีทั้งต้องเศรษฐกิจทั่วโลก เศรษฐกิจของไทย รวมไปถึงความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน และนโยบายการเปิดประเทศที่ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต่างชาติกลับมา ซึ่งภาคการท่องเที่ยวจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ ส่วนภาคการส่งออกยังคงมีการเติบโตต่อเนื่องแต่ชะลอตัวลงจากปีก่อน ทั้งหมดจะเป็นปัจจัยผลักดันเศรษฐกิจไทยปีนี้ให้ขยายตัว 3 - 3.5%

ส่วนผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทฯมีรายได้จากการขาย 1,603 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 13.57% สืบเนื่องจากการที่บริษัทฯได้มีการปรับแผนการดำเนินงานหลายด้านเพื่อให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาวะความผันผวนของเศรษฐกิจ โดยเป็นรายได้จากผลิตภัณฑ์บำรุงผิว 50.90% และผลิตภัณฑ์เสริมความงาม 49.10% ซึ่งเติบทั้ง 2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ในอัตรา 15.63% และ 11.22% ตามลำดับ รายได้จากการขายในประเทศยังเป็นสัดส่วนหลักคิดเป็น 65.31% และตลาดต่างประเทศมีการขยายตัวจากปีก่อน 88.69% ตามกลยุทธ์ของบริษัทฯที่มุ่งเป็น บริษัทชั้นนำที่มุ่งดำเนินธุรกิจด้านสุขภาพ ความงาม สุขภาวะและคุณภาพชีวิตที่ดี สอดคล้องกับรูปแบบการดำเนินชีวิต โดยมีโครงข่ายครอบคลุมทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
 
ในขณะที่ต้นทุนสินค้าและบริการสำหรับปี 2565 มีมูลค่า 557 ล้านบาท หรือคิดเป็น 34.72% ของรายได้จากการขาย โดยลดลงร้อยละ 4.90 point เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีต้นทุนสินค้าและบริการ 559 ล้านบาท หรือ 39.62% ของรายได้จากการขาย ผลสืบเนื่องจากอัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้น การรักษาประสิทธิภาพในการลดต้นทุนการผลิต รวมไปถึงการรับจ้างผลิตสินค้าให้กับบุคคลภายนอก (OEM) ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
 
นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารสำหรับปี 2565 มีมูลค่า 896 ล้านบาท หรือคิดเป็น 55.92% ของรายได้จากการขาย โดยลดลงร้อยละ 2.35 point เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันในปี 2564 ที่มีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร 822 ล้านบาท หรือ 58.27% ของรายได้จากการขาย โดยสอดคล้องกับแผน Synergy Roadmap ภายในกลุ่มบริษัทเพื่อลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานภายในกลุ่มของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าเป็นปีที่บริษัทฯ มีผลประกอบการที่เติบโตจาก Core business และยังมีกระแสเงินสดจากกิจกรรมการดำเนินงานที่กลับมาเป็นบวกด้วย