Phones





BAY อวดกำไรไตรมาส 1/66 โต 17% สู่ระดับ 8.68 พันล.

2023-04-21 11:36:35 125



นิวส์ คอนเน็คท์ – BAY แจ้งผลประกอบการไตรมาส 1/66 มีกำไรสุทธิ 8,676 ล้านบาท เติบโต 17% รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย รวมถึงการลดลงของภาระตั้งสำรอง –Itmujpy’เป้าหมายการเติบโตของเงินให้สินเชื่อในปี 66 ไว้ที่ 3-5%
 
เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2566 นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 1/2566 มีกำไรสุทธิจำนวน 8,676 ล้านบาท เติบโต 17% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน โดยได้รับแรงสนับสนุนหลักจากการเพิ่มขึ้นของทั้งรายได้ดอกเบี้ยสุทธิและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย ตลอดจนการลดลงของภาระตั้งสำรอง โดยกรุงศรีมุ่งมั่นเสริมสร้างความแข็งแกร่งเพื่อขับเคลื่อนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและภาคธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
 
ทั้งนี้ ธนาคารยังคงรักษาเสถียรภาพด้านการเงินที่แข็งแกร่งพร้อมสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ โดยเงินให้สินเชื่อรวมในไตรมาส 1/2566 เพิ่มขึ้น 0.3% หรือจำนวน 5,145 ล้านบาท จากสิ้นเดือนธ.ค. 2565 โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและสินเชื่อเพื่อรายย่อย สุทธิกับการลดลงของสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่ โดยสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) เติบโตอย่างครอบคลุมและทั่วถึงที่ 5.4% และเงินรับฝากเพิ่มสูงขึ้นถึง 3.0% ขณะที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.35% เทียบกับ 3.28% ในไตรมาส 1/2565
 
ในส่วนของอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL Ratio) ปรับตัวดีขึ้นที่ 2.26% จาก 2.32% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2565 จากแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจและการบริหารความเสี่ยงที่รอบคอบระมัดระวัง ส่งผลให้สัดส่วนการตั้งสำรองต่อสินเชื่อรวมปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับที่ 1.16% ในไตรมาส 1/2566 อัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ อยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 167.1% และอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงของธนาคารอยู่ที่ 17.95% เทียบกับ 17.97% ณ สิ้นเดือนธ.ค. 2565
 
“ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มมากขึ้น โดยส่วนหนึ่งเกิดจากปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินในประเทศกลุ่มเศรษฐกิจพัฒนาแล้ว เศรษฐกิจไทยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องในไตรมาสแรกของปี 2566 โดยได้รับแรงสนับสนุนหลักจากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชน โดยกรุงศรีคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตในระดับ 3.3% ในปี 2566” นายเซอิจิโระ กล่าว
 
ทั้งนี้ ธนาคารยังคงรักษาเสถียรภาพด้านการเงินที่แข็งแกร่งมั่นคง ด้วยระดับเงินกองทุน ระดับการตั้งสำรอง และสภาพคล่องทางการเงินที่สูง และพร้อมเดินหน้าสนับสนุนแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจและภาคธุรกิจ ทั้งในกลุ่มลูกค้าธุรกิจและลูกค้ารายย่อย โดยธนาคารกำหนดเป้าหมายการเติบโตของเงินให้สินเชื่อในปี 2566 ไว้ที่ 3-5%
 
โดย ณ วันที่ 31 มี.ค. 2566 กรุงศรี ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าในระบบเศรษฐกิจไทยจากมูลค่าสินทรัพย์ สินเชื่อและเงินรับฝาก และเป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่มีความสำคัญเชิงระบบ (D-SIB) มีสินเชื่อรวม 1.95 ล้านล้านบาท เงินรับฝาก 1.86 ล้านล้านบาท และสินทรัพย์รวม 2.68 ล้านล้านบาท ขณะที่เงินกองทุนของธนาคารอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 300.17 พันล้านบาท หรือเทียบเท่า 17.95% ของสินทรัพย์เสี่ยง โดยเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นของเจ้าของคิดเป็น 13.21%