Phones
หน้าแรก
Stock
เศรษฐกิจมหภาค
แบงก์ - Finance
อสังหาริมทรัพย์ - Marketing
ประกัน - ท่องเที่ยว
Variety
สกู้ป พิเศษ
SET
PTG สุดปลื้ม! คว้า CGR ระดับ 5 ดาว “ดีเลิศ”
MAI
88TH ชี้ Q4 เข้า High Season ย้ำ! พื้นฐานแกร่ง
IPO
MMM ฮอต! เปิดจองวันแรก นลท. แห่จอง PO เพียบ
บล./บลจ
“โกลเบล็ก” ระบุราคาทองคำยังน่าจับตา!
เศรษฐกิจ-การเงิน-การคลัง
วิจัยกรุงศรี จับสัญญาณกนง.หั่นดอกเบี้ย หนุนศก.ฟื้น
การค้า - พาณิชย์
พาณิชย์ดันข้าวไทยในงาน Anuga 2025 พร้อมลุยตลาดยุโรป
พลังงาน - อุตสาหกรรม
ฟร้อนท์ไลน์ฯ เดินหน้าสู่ผู้นำการจัดการน้ำครบวงจร
คมนาคม - โลจิสติกส์
TRUE คลอดหุ้นกู้ 4 ชุดใหม่ รองรับแผนลงทุนในอนาคต
แบงก์ - นอนแบงก์
CREDIT คว้า CGR ระดับ “ดีเลิศ” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2
ไฟแนนซ์ - ลิสซิ่ง
กรุงศรี ออโต้ หนุนสินเชื่อรถยนต์ไฟฟ้า ส่งข้อเสนอพิเศษส่งท้ายปี
SMEs - Startup
SCBX จับมือ สกมช. เสริมแกร่งความมั่นคงไซเบอร์ไทย
ประกันภัย - ประกันชีวิต
อลิอันซ์ อยุธยา ลั่นกลองรบตลาดยูนิตลิงค์ เปิดตัว 5 กองทุนใหม่
รถยนต์
MGC-ASIA รับข่าวดี “XPENG X9” ผู้นำยานยนต์ไฟฟ้า MPV
ท่องเที่ยว
GCAP เปิดตัวโดรนโดยสารไร้คนขับครั้งแรกในไทย เจาะตลาดการท่องเที่ยว
อสังหาริมทรัพย์
ORN คว้า CGR ระดับ "ดีเลิศ" 5 ดาว มุ่งเติบโตยั่งยืน
การตลาด
TCL ฉลอง 21 ปี เปิดแคมเปญ Super Birthday | Better Future, Be Together
CSR
SCBX จับมือ สกมช. เสริมแกร่งความมั่นคงไซเบอร์ไทย
Information
ITEL ตอกย้ำผู้นำธรรมาภิบาล คว้า 5 ดาว “ดีเลิศ” 5 ปีต่อเนื่อง
Gossip
SA ลุ้นรับอานิสงส์ดอกเบี้ยต่ำ
Entertainment
ไทยประกันชีวิต-แอทเลติโก้ คัดเยาวชนต่อยอดบอลที่สหรัฐฯ
สกุ๊ป พิเศษ
ATLAS หุ้นเด่น! LPG นวัตกรรมสุดล้ำ
KTC ควงแขน ทีดีอาร์ไอ ส่องศก.ไทย – ธุรกิจสินเชื่อครึ่งปีหลัง
2023-06-12 18:15:54
272
sharer
นิวส์ คอนเน็คท์ – KTC จัดงานเสวนา KTC FIT Talks #9 จับเข่าคุยเรื่องเศรษฐกิจและธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคครึ่งหลังปี 66 โดยเชิญ ทีดีอาร์ไอ ร่วมวงเสวนาฉายภาพรวมและปัจจัยเสี่ยงเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย ชี้ความเชื่อมั่นเศรษฐกิจและธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในช่วงครึ่งปีหลังเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก
เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2566 ดร.กิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการ โครงการ TDRI Economic Intelligence Service (EIS) เปิดเผยว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย จากการประเมินหลายปัจจัย เชื่อมั่นว่าสภาวะเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก ในขณะที่เศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนหลายปัจจัย ทั้งปัญหาของการถดถอยของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและยุโรป อีกทั้งความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้นระหว่างจีนและสหรัฐฯ และสงครามยูเครนที่ยังไม่สงบ โดยธนาคารโลก (The World Bank) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโตเพียง 2.1% ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 3 ทศวรรษ และอัตราเงินเฟ้อทั่วโลกในปีนี้จะอยู่ที่ 7% จาก 8.7% ในปี 2565 อีกทั้งการปรับลดการผลิตของกลุ่มโอเปค+ อาจทำให้ราคาพลังงานคงอยู่ในระดับสูง ถึงแม้ว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว
ทั้งนี้ ในสหรัฐ วิกฤตการณ์ธนาคารปิดตัวยังส่งผลกระทบให้เงินฝากและสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ลดลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์มีแนวโน้มชะลอตัวลดลง หลายหน่วยงานคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงปลายปี 2566 จากวิกฤตการณ์ภาคธนาคารและการชะลอของกำลังซื้อจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูง ในขณะที่ FED ส่งสัญญาณว่าวัฏจักรอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นในปัจจุบันจะสิ้นสุดลงในเร็วๆ นี้ โดยธนาคารโลกคาดว่าในปี 2566 ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) สหรัฐฯ จะอยู่ที่ 1.1% เทียบกับปี 2565 ซึ่งอยู่ที่ 2.1% ด้านสหภาพยุโรปคาดว่า ในปีนี้ GDP จะขยายตัว 0.4% ในขณะที่ปี 2565 อยู่ที่ 3.5% และในสหภาพยุโรปมีแนวโน้มที่จะคงดอกเบี้ยในอัตราที่สูง เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงขยายวงกว้าง สำหรับความเสี่ยงในภาคการเงินและอสังหาริมทรัพย์ยังคงต่ำกว่าในสหรัฐฯ
สำหรับสภาพเศรษฐกิจของประเทศจีนกำลังฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป จากการยกเลิกนโยบายปลอดโควิดและการทยอยเปิดประเทศตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา อีกทั้งภาคการผลิตและบริการส่งสัญญาณฟื้นตัวในเชิงบวก และภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เริ่มฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด อัตราเงินเฟ้อที่น้อยกว่า 1% และค่าเงินที่มีเสถียรภาพ จึงเป็นที่คาดการณ์กันว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตมากกว่า 5% ในปีนี้ ในขณะที่จีนตั้งเป้าเติบโตเพียง 5% ซึ่งอาจส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงนโยบายที่เน้นการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สู่การกำหนดเป้าหมายทางสังคมที่ดีขึ้นผ่านการจ้างงานที่มากขึ้นและกระจายตัว นอกจากนี้ จีนยังมุ่งขยายอิทธิพลไปยังตะวันออกกลางที่อาจนำไปสู่การช่วยยกระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจของตะวันออกกลาง และเกิดความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ระหว่างจีน รัสเซียและกลุ่มประเทศในตะวันออกกลาง
ขณะที่เศรษฐกิจไทยในปีนี้ GDP อาจขยายตัวอยู่ที่ 3.5% จากรายรับในภาคการท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่เป็นตัวขับเคลื่อนหลักให้เศรษฐกิจเติบโต ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดว่าในปี 2566 จะมีนักท่องเที่ยว 29 ล้านคน และ 35.5 ล้านคนในปี 2567 ในขณะที่มูลค่าการส่งออกจะลดลงจากปีที่แล้ว แม้การส่งออกไทยอาจได้ประโยชน์จากการเปิดเศรษฐกิจจีน แต่ยังมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจของตลาดส่งออกหลักที่ถดถอย สำหรับการบริโภคภาคครัวเรือนได้ฟื้นตัวต่อเนื่อง และดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในเดือนเม.ย. 2566 ขึ้นมาอยู่ในระดับสูงสุด นับตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดโควิดในเดือนมี.ค. 2563 เนื่องจากการฟื้นตัวของภาคธุรกิจท่องเที่ยว ทำให้การว่างงานลดลง ก่อให้เกิดการสร้างรายได้จากการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมโรงแรมและภัตตาคาร การก่อสร้าง การค้าขายและการผลิต และคาดว่าการจ้างงานจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการผลิตที่สูง การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตามหนี้ครัวเรือนที่สูงนับตั้งแต่สถานการณ์โควิดถึงเกือบ 90% ของ GDP ในปัจจุบัน อาจเป็นปัจจัยจำกัดการบริโภค นอกจากนี้สถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่มีเสถียรภาพ อาจส่งผลให้งบประมาณปี 2567 ล่าช้า ทำให้การใช้จ่ายของภาครัฐในปี 2566 จะไม่เพิ่มขึ้นจากปี 2565 มากนัก
“เศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตสูงกว่าในช่วงครึ่งปีแรก จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว การส่งออกไปตลาดจีนและกำลังซื้อในประเทศ อัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวน้อยกว่า 2% เนื่องจากราคาพลังงานที่ลดลง แต่ยังมีแรงกดดันเงินเฟ้อจากอีกหลายปัจจัย อาทิ ต้นทุนของผู้ผลิตที่ถูกส่งต่อไปยังผู้บริโภคจากการฟื้นตัวด้านอุปสงค์ ค่าไฟฟ้าที่ปรับเพิ่มขึ้น และการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยคาดว่าจะขยับขึ้นไปอยู่ในกรอบที่ 2.25 - 2.5% ในสิ้นปี 66” ดร.กิริฎา กล่าว
ด้านนายชุติเดช ชยุติ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารอาวุโส กลุ่มงานบริหารการเงิน บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC กล่าวว่า “การประเมินเศรษฐกิจไทยครึ่งปีหลังมีแนวโน้มขยายตัวของทีดีอาร์ไอ เป็นไปในแนวทางเดียวกับข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นผลจากภาคการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการจ้างงานสร้างรายได้ และเชื่อว่าจะส่งผลบวกให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลขยายตัวมากขึ้น โดยในช่วงไตรมาส 1/2566 เคทีซีมีสัดส่วนของลูกหนี้บัตรเครดิตเทียบกับอุตสาหกรรม เท่ากับ 14.8% อัตราการเติบโตของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรอยู่ที่ 22.5% สูงกว่าอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตที่ 17.7% ส่วนแบ่งตลาดของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรของบริษัทฯ เท่ากับ 12.2% และมีสัดส่วนของลูกหนี้สินเชื่อบุคคลเทียบกับอุตสาหกรรมเท่ากับ 3.8%”
ทั้งนี้ การขยายตัวของภาคเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา ส่งผลให้เคทีซีสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ และมีปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรที่เติบโตอย่างเห็นได้ชัด ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ การที่รัฐบาลยกเลิกมาตรการล็อคดาวน์จากโควิด-19 ทำให้เกิดกิจกรรมทางธุรกิจต่างๆ ส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัว และเมื่อมีการเปิดประเทศ ได้ส่งให้การเดินทางท่องเที่ยวขยายตัวและสร้างรายได้ให้กับประเทศมากขึ้น
นอกจากนี้ เคทีซีได้วางแผนกลยุทธ์การรุกตลาด เพื่อเตรียมรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หลังการผ่อนคลายมาตรการล็อคดาวน์ โดยได้ออกบัตรเครดิตเพื่อการท่องเที่ยว 2 ใบคือ บัตรเครดิต อโกด้า มาสเตอร์การ์ด และบัตรเครดิตเจซีบี อัลติเมท อีกทั้งได้คัดสรรสิทธิพิเศษหลายรูปแบบในทุกหมวดใช้จ่ายที่สำคัญ จำเป็นและคาดว่าจะได้รับความนิยม เช่น สิทธิพิเศษด้านการท่องเที่ยว สิทธิพิเศษในหมวดร้านอาหารเพื่อผู้ที่หลงใหลในรสชาติอาหารทุกกลุ่มความต้องการ สิทธิพิเศษด้านน้ำมันและประกัน สิทธิพิเศษด้านสุขภาพและความงาม เป็นต้น
“เราเชื่อว่าด้วยสถานการณ์ของเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มดีขึ้น ทั้งการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและธุรกิจบริการอื่นๆ จะทำให้เกิดการบริโภคในครัวเรือนและการลงทุนทำธุรกิจที่มากขึ้น รวมทั้งการเดินทางของนักท่องเที่ยวในไทยและเดินทางไปต่างประเทศ จะเอื้อประโยชน์ให้ทุกพอร์ตสินเชื่อของเคทีซีขยายตัว และมียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเพิ่มขึ้น รวมทั้งธุรกิจร้านค้ารับชำระเติบโต ทั้งจากภาคอุปสงค์ในไทยที่ขยายตัว จากการใช้จ่ายในประเทศและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในไทย แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้น ต้นทุนการเงินของบริษัทฯ ยังคงสามารถรองรับการเติบโตตามเป้าหมายได้” นายชุติเดช กล่าว
PTG สุดปลื้ม! คว้า CGR ระดับ 5 ดาว “ดีเลิศ”
10 เรื่องน่ารู้ “ATLAS” หุ้นดีที่ต้องมีติดพอร์ต
WICE คว้าคะแนน CGR ระดับ “ดีเลิศ” 7 ปีซ้อน
COM7 โบรกฯ แนะ 'ซื้อ' เป้า 31.50 บ. - MC ปันผลงวดปี 68 หุ้นละ 0.96 บ.
BAM เดินหน้ากลยุทธ์ 3P ก้าวสู่ฮับธุรกิจ AMC - MGC-ASIA ปลื้ม! 'XPENG X9' ทะลุเป้า
JMART ไม่เบี้ยวหนี้ ชำระคืนหุ้นกู้ครบ 2.3 พันลบ.