Phones





L&E แย้มผลงานครึ่งปีหลังสดใส ลุ้นสอยงานใหม่เติม Backlog

2023-08-09 13:06:11 102



 
นิวส์ คอนเน็คท์ – L&E เดินหน้าขยายตลาดต่อเนื่อง หนุนผลงานครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เผยมีงานที่อยู่ระหว่างติดตามมูลค่า 4 – 5 พันล้านบาท เข้าเติม Backlog ปัจจุบันที่มีอยู่ราว 1.3 พันล้านบาท ด้านผลงานไตรมาส 2/66 ยอดขายยังได้รับผลกระทบจากโควิด หลังงานโครงการใหญ่ๆชะลอการรับสินค้า ส่งผลกระทบต่อการรับรู้รายได้
 
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2566 นายอนันต์ กิตติวิทยากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไลท์ติ้ง แอนด์ อีควิปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ L&E เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจุบันยังมีปริมาณงานขนาดใหญ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยังมีงานที่บริษัทอยู่ระหว่างติดตามอีกราว 4,000 - 5,000 ล้านบาท อาทิ โครงการ Mixed-Use งานสนามบิน งานโรงพยาบาล และงานโรงงาน เป็นต้น ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ราว 1,300 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ต่อเนื่องในปีนี้
 
สำหรับการเติบโตของธุรกิจ Entertainment lighting บริษัทได้มีการอัปเกรดอุปกรณ์รองรับงาน Virtual Production มาตรฐานระดับ World Class โดยมีการลงทุนมากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็นการลงทุนเพื่อรองรับการขยายตัวของ Entertainment Tech มองว่าปี 2566 ความต้องการสินค้า L&E virtual studio ที่ตอบโจทย์ยุค metaverse รวมถึงกลุ่ม IoT SMART POLES, Horticulture Lighting คาดการณ์จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีนี้ ปัจจุบันได้ขยายการเติบโตรองรับโอกาสทางธุรกิจ
 
โดยช่วงที่ผ่านมาได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ภายใต้ชื่อ L&E Beyond เพื่อดำเนินธุรกิจจำหน่ายและให้บริการงานโปรดักชั่น (Production Solution Provider) แบบครบวงจร ให้บริการทั้งระบบแสง เสียง ภาพ และเทคโนโลยีล้ำสมัยกลุ่ม Entertainment Tech แก่ธุรกิจด้านบันเทิง อาทิ งานละคร งานถ่ายรายการโทรทัศน์ งานถ่ายทำ Music Video งานคอนเสิร์ต งานนิทรรศการแบบครบวงจร เสริมภาพลักษณ์ให้ L&E เป็นมากกว่าผู้นำธุรกิจ Lighting Solution
 
นอกจากนี้ บริษัทได้มีการศึกษาธุรกิจใหม่ๆ คือ Biological Lighting ซึ่งปัจจุบันมีการสร้างเรือนเพาะชำใหม่ที่โรงงานนพวงศ์ เรียกว่า Green House โดยใช้ระบบอัตโนมัติควบคุมด้วย IoT ทั้งหมด รวมทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เรียกว่า “ซอร์คาเดี้ยน Circadiun Lighting” หรือ “Human Centric Light” ซึ่งตอนนี้มีความต้องการมากขึ้น บริษัทมีผลิตภัณฑ์พร้อมเสิร์ฟ คือ การทำไฟที่เปลี่ยนสี ระบบไฟควบคุมด้วยระบบสมาร์ท สามารถเปลี่ยนอุณหภูมิสีในบ้าน อาคารพาณิชย์ ในพิพิธภัณฑ์ และในทางการแพทย์ ใช้ในการรักษาคนไข้ เพื่อสร้างบรรยากาศเสมือนว่าเป็นกลางวัน หรือกลางคืนได้ ตอบโจทย์ผู้บริโภคในเรื่องแสงสว่างได้มากกว่าเดิม
 
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ารายได้รวมในปี 2566 อาจไม่สามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 10-15% เนื่องจากความล่าช้าการรับรู้รายได้ของงานโครงการ รวมทั้งยังมีการแข่งขันด้านราคาที่สูงเนื่องจากมีวัตถุดิบที่นำเข้ามาจากประเทศจีนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ส่งผลให้ค่าขนส่งสินค้าปรับสูงขึ้น เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น และเงินบาทอ่อนค่าลง ทำให้ต้นทุนสินค้าเพิ่มสูงขึ้นขณะที่ราคาขายของงานโครงการส่วนใหญ่ไม่สามารถปรับขึ้นได้ เป็นผลให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวลดลง โดยบริษัทได้ปรับลดเป้าหมายรายได้ปี 2566 เติบโตแบบทรงตัว
 
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 2/2566 มีรายได้จากการขายและให้บริการ 636 ล้านบาท ลดลง 23% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากรายได้จากการขายสินค้าในตลาดประเทศสหรัฐฯ ลดลง เนื่องจากการแข่งขันที่เข้มข้นและตลาดที่ชะลอตัวจากปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาการเงินที่สหรัฐฯ กำลังประสบอยู่ ในขณะที่การหาตลาดทดแทนในต่างประเทศยังไม่เกิดผลเป็นรูปธรรม รวมทั้งในไตรมาส 2/66 บริษัทมีงานโครงการในประเทศหลายงานต้องเลื่อนออกไปรับรู้รายได้ในไตรมาสถัดไป ส่งผลให้ผลประกอบการมีผลขาดทุนสุทธิสำหรับงวด 17.9 ล้านบาท ลดลง 28% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยกำไรขั้นต้นจากการขายรวมรายได้อื่นลดลง 11% จากยอดขายที่ปรับตัวลดลง แม้อัตรากำไรขั้นต้นได้ปรับตัวดีขึ้นจาก 24.3% ในปี 2565 เป็น 28% ในปี 2566 ทั้งนี้เพราะสินค้าที่ขายให้ลูกค้าปลายทางในสหรัฐฯ ที่ลดลงมีอัตรากำไรเบื้องต้นต่ำกว่าสินค้าที่ขายทั่วไป
 
“ผลงานไตรมาส 2/66 ยอดขายได้รับผลกระทบจากโควิดที่ยังไม่หมด งานโครงการใหญ่ๆ ชะลอการรับสินค้าออกไปนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ตอนต้นปี มีผลทำให้ต้องเลื่อนการรับรู้รายได้ออกไปในไตรมาถัดๆไป นอกจากนี้ยังมีต้นทุน ซึ่งมีแรงกดดันจากสินค้าประเทศจีน ที่ยังคงมีข้อพิพาทกับสหรัฐฯ ทะลักเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งเรามองว่า สถานการณ์ได้ผ่านช่วงวิกฤติมาแล้ว และดีขึ้นเป็นลำดับ จึงมั่นใจครึ่งปีหลังเดินหน้าขยายตลาด และจะดีกว่าครึ่งปีแรก” นายอนันต์ กล่าว