Phones





AAI ปรับเป้ารายได้ปีนี้ 5,800 ล้านบ. ลุยปันผลระหว่างกาล

2023-08-22 17:05:24 77



นิวส์ คอนเน็คท์ - AAI เชื่อมั่นผลประกอบการครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก หลังเจอวิกฤตส่งออกชะลอตัว อีกทั้งค่าแรงและราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น ปรับเป้ารายได้ปีนี้ 5,800 ล้านบาท เดินหน้าประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.05 บาท

เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2566 นายเอกราช พรรณสังข์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI เปิดเผยว่า รายได้ไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 1,196 ล้านบาท ลดลง 34.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 1,814 ล้านบาท เนื่องจากกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงมียอดขายลดลงมากโดยมีปริมาณการขายลดลงถึง 34% เพราะยังได้รับผลกระทบจากการชะลอคำสั่งซื้อจากตลาดหลักทั้งสหรัฐอเมริกาและยุโรป ขณะที่กลุ่มธุรกิจอาหารพร้อมรับประทานบรรจุภาชนะปิดผนึกมีรายได้ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาทูน่ายังอยู่ในระดับสูง

ขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 2/66 อยู่ที่ 26 ล้านบาท ลดลง 85.6% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน 183 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากที่ยอดขายลดลงอย่างมาก เป็นเหตุให้มีสัดส่วนต้นทุนค่าแรงและต้นทุนทางพลังงานที่สูงขึ้น กดดันอัตรากำไรขั้นต้นจนลดลงมาอยู่ 12.7% เทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่อยู่ที่ระดับ 21.2% นอกจากนี้ ยังมีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนมาร่วมกดดันให้กำไรสุทธิสำหรับไตรมาสลดต่ำลง แม้บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงกว่า 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อนหน้า ทั้งนี้ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิต่อหุ้นอยู่ที่ 0.01 บาท/หุ้น ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 0.11 บาท/หุ้น 

สำหรับครึ่งปีแรก 66 AAI มีรายได้อยู่ที่ 2,587 ล้านบาท ลดลง 25.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 3,464 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิทำได้ 99 ล้านบาท ลดลง 72.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 364 ล้านบาท จากสาเหตุยอดขายอาหารสัตว์เลี้ยงลดลง โดยอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 10.9% ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน 19.1% และอัตรากำไรสุทธิปรับลงมาอยู่ที่ 3.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 10.5% โดยมีกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.05 บาท/หุ้น จากครึ่งปีแรกปีก่อนอยู่ที่ 0.21 บาท/หุ้น 

การที่ปริมาณการขายครึ่งปีแรกอยู่ที่ 17,612 ตัน ลดลง 23% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 22,863 ตัน เนื่องจากกลุ่มอาหารสัตว์ยอดขายลดลงเหตุเพราะ หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย สินค้ารอบใหม่มีระยะการส่งสั้นลง ลูกค้าเจ้าของแบรนด์จึงต้องเร่งระบายสต็อกให้มีจำนวนที่เหมาะสม และสถานการณ์ดังกล่าวใช้เวลานานกว่าที่คาด

นายเอกราชกล่าวต่อถึงผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังว่า รายได้ในกลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยงน่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก แต่อาจยังมีปัจจัยเรื่องการปรับลดปริมาณการถือครองสินค้าคงเหลือของลูกค้ารายสำคัญเพื่อให้เหมาะสมกับระยะเวลาการสั่งซื้อ (Leadtime) ที่จะกดดันยอดขายในไตรมาส 3 บางส่วน ทำให้คาดการณ์รายได้บริษัทฯ ปีนี้อยู่ที่ 5,800 ล้านบาท หรือลดลง 18% เมื่อเทียบกับปี 65 

แบ่งเป็น รายได้จากกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยง 4,700 ล้านบาท เป็นการลดลงจากกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงที่รับจ้างผลิตให้กับลูกค้าเจ้าของแบรนด์ในตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป แต่มองว่ารายได้อาหารสัตว์เลี้ยงแบรนด์ของตัวเอง (เฮ้าส์แบรนด์) ในประเทศไทยจะยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ซึ่งกำลังวางแผนเพิ่มช่องทางการจำหน่ายในประเทศไทยเพิ่มขึ้น เพื่อเพิ่มยอดขายตามแผนงานในอนาคตที่ต้องการมีสินค้าเฮ้าส์แบรนด์เป็น 10% และกำลังปรับกลยุทธ์การจัดจำหน่ายแบรนด์ในประเทศจีนหลังการเปิดประเทศของประเทศจีน ขณะที่คาดว่ารายได้จากกลุ่มอาหารพร้อมรับประทานบรรจุภาชนะปิดผนึกจะอยู่ที่ 1,100 ล้านบาท โดยอัตรากำไรในผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้น่าจะมีการปรับลดลงจากปีก่อนหน้า เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากราคาปลาทูน่าที่ปรับตัวสูงขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี และยังมีการแข่งขันที่รุนแรงภายในอุตสาหกรรม

ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติประกาศจ่ายปันผลระหว่างกาล คิดเป็นอัตราหุ้นละ 0.05 บาท ในวันที่ 8 ก.ย. 66 โดยกำหนดรายชื่อผู้สิทธิรับเงินปันผลวันที่ 25 ส.ค. 66