Phones





"เข็มเหล็ก"เจาะงานฐานราก - ดันเข้าตลาดหุ้น

2019-12-03 15:22:09 760




นิวส์ คอนเน็คท์ - "เข็มเหล็ก" เกาะติดงานฐานรากโครงการก่อสร้างมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาท หวังคว้าเค้กส่วนแบ่งเติม Backlog คาดรายได้ปีนี้ได้เห็น 600 ล้านบาท พร้อมแต่งตัวเข้าตลาดหุ้น


เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2562 นายประเสริฐ ธรรมมนุญกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เข็มเหล็ก จำกัด ผู้นำนวัตกรรมด้านฐานรากสำเร็จรูป "เข็มเหล็ก" บริษัทฯ เดินหน้าหางานก่อสร้างในส่วนของงานฐานรากและเสาเข็มเพื่อเข้ามาเติมงานในมือ (Backlog) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมา สัดส่วนงานของบริษัทฯ มาจากงาน B2B และ B2C สัดส่วน 50:50


สำหรับงานก่อสร้างที่อยู่ระหว่างการลงทุนของภาครัฐและเอกชน มีประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท หรือราว 10% ของ GDP ที่มีมูลค่าแต่ละปีราว 15 ล้านล้านบาท โดยใน 1.5 ล้านล้านบาท เป็นงานฐานราก 10% หรือ 1.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็นงานฐานรากโครงการใหญ่ (Heavy foundation) 30% และงานประเภท Lightweight foundation ประมาณ 70% หรือ 1 แสนล้านบาท ซึ่งงานของบริษัทฯ จะเป็นส่วนนี้เป็นหลัก


"รายได้ของเรายังไม่ถึง 1% ของมูลค่างานฐานรากทั้งหมด แต่จากการที่เราทำในเรื่องเสาเข็มเหล็ก ที่ช่วยลดระยะเวลาทำงานได้กว่า 5 เท่าของเสาเข็มปูน แม้ว่าราคาจะไม่ต่างกันมาก อีกทั้งตลาดเริ่มมีความต้องการสูงขึ้น จึงเป็นโอกาสที่บริษัทฯ จะมีงานเข้ามามากขึ้น" นายประเสริฐ กล่าว


สำหรับปี 62 นี้บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้แตะ 600 ล้านบาทได้ สูงขึ้นจากปีก่อนที่อยู่ที่ 400-500 ล้านบาท โดยรายได้มาจาก 3 ธุรกิจ คือ 1.การก่อสร้างโรงไฟฟ้าโซลาร์ ซึ่งที่ผ่านมารับงานแล้วกว่า 1,500 เมกะวัตต์ อีกทั้งบริษัทมีโรงไฟฟ้าเอง 5 แห่ง รวม 21 เมกะวัตต์ รับรู้รายได้ปีละ 150 ล้านบาท สัญญาระยะยาว 25 ปี, 2.งานรับเหมาก่อสร้าง EPC มีรายได้ปีนี้ประมาณ 300 ล้านบาท และล่าสุดได้งานก่อสร้างโซลาร์ลอยน้ำจากบริษัทใหญ่รายหนึ่ง จำนวน 12.7 เมกะวัต์ ตั้งอยู่ใน จ.ระยอง มีออเดอร์เข้ามาแล้วกว่า 1,000 ต้น และ 3.งานเสาเข็มเหล็ก รายได้อยู่ที่ 100-150 ล้านบาทในปีนี้


สำหรับในปี 63 คาดว่ารายได้ในส่วนของโซลาร์มาจากการรับรู้รายได้เต็มปี จากจำนวน 21 เมกะวัตต์ หรือ 150 ล้านบาท แบะมีโอกาสได้งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าชุมชนที่รัฐบาลสนับสนุนถึง 7,000 เมกะวัตต์ ส่วนที่สอง งาน EPC คาดหวังจะมีรายได้ 400-500 ล้านบาท และงานเสาเข็มเหล็ก จะทำได้ 300-400 ล้านบาท ดังนั้นรายได้ปี 63 อาจจะได้เห็นขึ้นไป 800-900 ล้านบาทได้


นายประเสริฐกล่าวว่า บริษัทฯ ยังมีแผนเดินหน้าเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นให้ได้ภายในปี 63 ซึ่งอยู่ระหว่างจัดหาบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน หรือ FA รายใหม่ หลังจากหมดสัญญากับ FA รายเก่าไปแล้ว จากปัญหาของ FA เอง ซึ่งหากเข้าตลาดหุ้นได้ บริษัทคาดว่าต้องการเงินระดมทุนราว 200-300 ล้านบาท สำหรับนำไปใช้ในการซื้อเครื่องจักร เครื่องมือในการติดตั้งเสาเข็ม ใช้ขยายสาขาเพิ่มเป็น 7 ศูนย์ ครอบคลุมทั่วประเทศ จากปัจจุบันมีศูนย์ กทม. และศูนย์เชียงใหม่ที่ครอบคลุม 8 จังหวัดภาคเหนือ รวมทั้งจะเพิ่มพนักงานขาย (เซลส์) เป็น 100 คน เป็นต้น