Phones





ETL พร้อมมาก! เดินหน้าเข้าตลาดหุ้น เสริมแกร่งธุรกิจ

2023-10-18 06:51:20 319



นิวส์ คอนเน็คท์ - ETL โชว์ความพร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET เตรียมเสนอขาย IPO จำนวนไม่เกิน 171,865,440 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เดินแผนระดมทุนรองรับการขยายธุรกิจ หลังมองภาพรวมของตลาดโลจิสติกส์มีโอกาสเติบโตสดใส ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. นับหนึ่งแบบไฟลิ่งแล้ว คาดเข้าเทรด SET ภายในปีนี้

คุณกฤชวรรณ ซื้อเจริญชัย กรรมการผู้จัดการบริษัท ยูโรเอเชีย โทเทิล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ETL ผู้ให้บริการโลจิสติกส์สัญชาติไทยที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่มีธุรกิจหลัก คือ การให้บริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross-Border Transportation Carrier) อย่างครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทมีความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ SET โดยมีบริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งปัจจุบัน ETL มีทุนจดทะเบียนจำนวน 310,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 620,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนชำระแล้วทั้งสิ้นจำนวน 224,067,280 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 448,134,560 หุ้น

โดยบริษัทจะมีการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 171,865,440 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นไม่เกิน 27.72% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้ โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้ในการขยายธุรกิจ ชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในอนาคต
คุณกฤชวรรณกล่าวว่า ผู้บริหารของกลุ่มบริษัทฯ มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์มามากกว่า 10 ปี โดยบริษัทฯ เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการโลจิสติกส์สัญชาติไทยที่ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่มีธุรกิจหลัก คือ การให้บริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดน (Cross-Border Transportation Carrier) อย่างครบวงจร ด้วยความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่ง ที่จะเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนไปยังประเทศต่างๆ ทั้งในแถบทวีปเอเชียและทวีปยุโรป ภายใต้การบูรณาการรูปแบบการขนส่งที่หลากหลาย ให้สามารถบริการขนส่งข้ามพรมแดนที่รวดเร็ว มีความยืดหยุ่น และมีประสิทธิภาพ สามารถรองรับการขยายตัวของภาคธุรกิจ รวมถึงมุ่งเน้นต่อการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ในแต่ละประเทศ

ทั้งนี้ ด้วยวิสัยทัศน์ที่สำคัญของบริษัทฯ ในการเชื่อมโยงประเทศในยุโรปและเอเชียให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นผ่านบริการขนส่งที่รวดเร็ว คุ้มค่า และหลากหลายรูปแบบ เพราะธุรกิจโลจิ‍สติกส์ถือเป็นส่วนสำคัญในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) และต้นทุนทางธุรกิจที่สำคัญของผู้ประกอบการ กลุ่มบริษัทฯ จึงมุ่งมั่นในการพัฒนาขั้นตอนการให้บริการที่มีความยืดหยุ่น และสามารถตอบสนองต่อความต้องการลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ มุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนในอนาคต

ปัจจุบัน บริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนระหว่างประเทศ (Cross-Border Transportation Carrier) โดยมีบริการ 2 รูปแบบ ได้แก่ (1.) การขนส่งสินค้าแบบเต็มตู้ (Full Truck Load: FTL) คือ การให้บริการขนส่งสินค้าแบบเต็มตู้คอนเทนเนอร์ หรือเหมาทั้งตู้คอนเทนเนอร์ โดยสินค้าภายในตู้คอนเทนเนอร์จะเป็นของผู้ส่งหรือลูกค้าเพียงรายเดียว ซึ่งบริษัทฯ จะให้บริการแบบ Door to Door โดยบริษัทฯ จะนำรถบรรทุกพร้อมตู้คอนเทนเนอร์ไปรับสินค้าจากโรงงานหรือคลังสินค้าของผู้ส่งสินค้า (Shipper) และส่งไปยัง โรงงาน หรือคลังสินค้าของผู้รับสินค้า (Consignee) และ (2.) การขนส่งสินค้าแบบไม่เต็มตู้ (Less than Truck Load: LTL) คือ การให้บริการขนส่งสินค้าที่สินค้าในตู้คอนเทนเนอร์จะเป็นของลูกค้ามากกว่า 1 รายแบ่งใช้พื้นที่ร่วมกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่มีปริมาณขนส่งไม่มากพอที่จะเช่าตู้คอนเทนเนอร์ทั้งตู้ เพื่อบรรจุสินค้าเฉพาะของตนเอง ทั้งนี้ สินค้าจะถูกนำมาส่งยังศูนย์รวมสินค้า (Hub) ของบริษัทฯ จากนั้นบริษัทฯ มีทำหน้าที่รวบรวมสินค้า คำนวณพื้นที่ในการจัดวางและจัดทำแผนงาน (Consolidation Plan) และขนส่งสินค้าไปส่งยังศูนย์รวมสินค้า (Hub) ปลายทางของบริษัทฯ ตามตารางเวลาการขนส่งที่บริษัทฯ กำหนด

โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทฯ ได้แก่ ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครบวงจร (International Logistics Services and Solutions Provider) และบริษัทที่ให้บริการโลจิสติกส์แก่ผู้ประกอบการเพื่อนำเข้าและส่งออกในหลากหลายอุตสาหกรรม (Freight Forwarder) เช่น อุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค อาหารและเครื่องดื่ม ผลไม้ ยาและเวชภัณฑ์ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ สินค้าอิเลกทรอนิกส์ อุปกรณ์โซลาร์เซลล์ เป็นต้น ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าหลักของ ETL มีทั้งบริษัทนานาชาติ (Multinational Company) และบริษัทภายในประเทศ (Local Company) นอกจากนี้ บริษัทฯ มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและความต้องการร่วมกับลูกค้า เพื่อที่จะได้นำความคิดเห็นดังกล่าวมาปรับปรุงการให้บริการและนำเสนอการให้บริการที่เหมาะสมต่อความต้องการและมีประสิทธิภาพสูงสุดแก่ลูกค้า

สำหรับผลการดำเนินงานในงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการให้บริการ 646.18 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 ที่มีรายได้จากการให้บริการ 689.73 อย่างไรก็ตาม บริษัทได้มีการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยกลยุทธ์ในการบริหารและจัดการเที่ยวรถให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น หนุนให้อัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) ปรับตัวดีขึ้นจาก 13.96% ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2565 เป็น 14.70% ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 และการลดลงของค่าใช้จ่ายส่งผลให้กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิในงวด 6 เดือนแรกของปี 2566 เท่ากับ 31.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.69% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิ 24.02 ล้านบาท