Phones





RBF หุ้นโตแกร่งของจริง

2019-12-16 12:49:24 799




ถือว่า "แข็งแกร่ง" อย่างมากสำหรับราคาหุ้นบริษัท อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย จำกัด (มหาชน) หรือ RBF หลังจากเข้าทำการซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 ต.ค.2562 ราคาเปิดเทรดวันแรกที่ 4.08 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 0.78 บาท หรือ 23.64% จากราคา IPO ที่ 3.30 บาทต่อหุ้น และผ่านมาเกือบ 2 เดือน ราคาหุ้นยังเทรดในกรอบ 4.20-4.40 บาทต่อหุ้น แม้ภาวะการลงทุนโดยรวมในตลาดหุ้นไทยจะไม่ค่อยดีนัก ...นั่นเพราะว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในพื้นฐานและการดำเนินงานของธุรกิจ RBF นั่นเอง



สำหรับ RBF ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในอาหาร (Food Ingredients) โดยแบ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลายประเภทเช่น วัตถุแต่งกลิ่นและรส (Flavour) แป้งประกอบอาหาร เกล็ดขนมปัง เครื่องปรุงรส ซอสและน้ำจิ้ม สีผสมอาหาร ผลิตภัณฑ์อบแห้ง ผลิตภัณฑ์อาหารแช่แข็ง รวมถึงวัตถุแต่งกลิ่นที่นำไปเป็นส่วนผสมในน้ำหอมและเครื่องสำอาง และบรรจุภัณฑ์พลาสติก นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ซื้อมาและจำหน่ายไปซึ่งสินค้าประเภท Food Additive อาทิ สารกันบูด สารกันรา กรดมะนาว เป็นต้น


ระดมทุน 1,716 ล้านบาท ขยายธุรกิจ


โดย RBF ได้ทำการขายหุ้น IPO จำนวน 520 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท เสนอขายที่ราคาหุ้นละ 3.30 บาท ระดมทุนได้ 1,716 ล้านบาท โดยการจัดสรรหุ้น ได้แบ่งสัดส่วนขายให้สถาบันคิดเป็น 60% ส่วนที่เหลือเป็นการขายให้กับประชาชนทั่วไป โดยมีการกระจายให้กับนักลงทุนจำนวน 7,762 ราย



นายสมชาย รัตนภูมิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร RBF ระบุว่า ในส่วนของเงินที่ได้จากการระดมทุนนั้น บริษัทฯ จะนำไปใช้เพื่อรองรับแผนก่อสร้างโรงงานผลิตเกล็ดขนมปังและแป้งประกอบอาหารในอินโดนีเซีย และนำไปปรับปรุงและซื้อเครื่องจักรเพิ่มเติม ทั้งเครื่องจักรในการผลิตเกล็ดขนมปัง เครื่องจักรในการผลิตแป้งทอดกรอบ เครื่องจักรในการผลิตวัตถุแต่งกลิ่นรสแบบอัตโนมัติ นอกจากนั้น ยังลงทุนเปิดบริษัทตัวแทนและห้องทดลองในประเทศสิงคโปร์ เพื่อขยายฐานลูกค้าในอนาคตของสินค้าประเภทวัตถุแต่งกลิ่นรส (Flavour) รวมถึงจะเป็นการชำระคืนเงินกู้ยืมจากการจัดโครงสร้างกลุ่มของบริษัท ซึ่งภายหลังจากชำระแล้ว จะทำให้บริษัทลดภาระค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยได้ถึง 20-25 ล้านบาทต่อปี รวมทั้งใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ


ไตรมาส 3/62 กำไรเติบโต 71.65%


ด้านนายสุรนาถ กิตติรัตนเดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชีและการเงิน RBF เผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/62 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 105.91 ล้านบาท เติบโต 71.65% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 61.70 ล้านบาท ขณะที่กำไรขั้นต้นในไตรมาส 3/62 อยู่ที่ 267.88 ล้านบาท เติบโต 13.26% จากช่วงเดียวกันปีก่อน และบริษัทมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 668.36 ล้านบาท เติบโต 1.95% จากช่วงเดียวกันปีก่อน



สำหรับช่วง 9 เดือนของปี 2562 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 253.50 ล้านบาท เติบโต 9.30% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 231.94 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของการขายสินค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่มีกำไรขั้นต้นสูง รวมทั้งยังมีการบริหารจัดการต้นทุน และมีการจัดการสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 2,035.39 ล้านบาท เติบโต 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 1,938.55 ล้านบาท


“ในช่วงไตรมาส 3/62 และ 9 เดือนของปี 2562 ผลประกอบการมีการเติบโตทั้งกำไรสุทธิและรายได้ เพราะว่าได้รับผลบวกจากมาร์จิ้นของการขายสินค้าที่สูงขึ้น ทำให้การดำเนินงานมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง และเป็นไปตามแผนที่วางไว้” นายสุรนาถ กล่าว


โบรกฯ ประสานเสียงเชียร์ "ซื้อ"


ในด้านของโบรกเกอร์หลายแห่ง ต่างประสานเสียงเชียร์ "ซื้อ" สำหรับหุ้น RBF โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า จากการประเมิน RBF พบว่า บริษัทอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานเกล็ดขนมปังในประเทศเวียดนามและอินโดนีเซีย คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/2563 และนำเงินที่ได้ส่วนหนึ่งจากการขายหุ้น IPO ไปลงทุนสร้างโรงงานผลิตที่ประเทศอินโดนีเซียแห่งที่ 2 ในปี 2565 เพื่อรองรับการเติบโตของรายได้ส่งออกคาดกำไรสุทธิเติบโต 7.6% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน หากไม่รวมค่าใช้จ่าย 0ne time คาดมีกำไรปกติเติบโต 13.3% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนและเมื่อรับรู้รายได้จากโรงงานใหม่ต่างประเทศ คาดว่ากำไรสุทธิปี 2563 จะเติบโต 24% หรืออยู่ที่ 432 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อน ดังนั้น จึงให้ราคาเป้าหมายที่เหมาะสมไว้ที่ 4.60 บาท


ด้านฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด เผยว่า หุ้น RBF จะมีกำไรปกติในช่วง 3 ปี (2561-2563) เติบโตเฉลี่ย 15% จาก 324 ล้านบาทเป็น 488 ล้านบาทตามลำดับ และคาดว่ายอดขายเพิ่ม 9% ต่อปี จากการเพิ่มการผลิต รวมถึงประสิทธิภาพการบริหารจัดการที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจาก 38% ในปี 2561 เป็น 39%ในปี 2564 และ RBF จะมีรายได้จากต่างประเทศราว 15% ของรายได้ธุรกิจผลิตและผลิตจำหน่ายส่วนประกอบอาหารในปี 2563 ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบนำเข้าราว 37% ของต้นทุนวัตถุดิบรวม ทำให้ RBF มีฐานะเป็นผู้นำเข้าสุทธิราว 8% ดังนั้น เงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทุก 1 บาท จะเป็นแนวโน้มเชิงบวกต่อประมาณการกำไรและมูลค่าพื้นฐานปี 2563 ราว 1.3% ให้ราคาเป้าหมาย 4.52 บาท