Phones





UAC แย้มปรับหมากธุรกิจ ดันรายได้สู่ระดับ 4 พันล.

2023-11-23 18:24:55 49



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - UAC เดินหน้าการลงทุนในโครงการต่างๆต่อเนื่อง ตามกลยุทธ์การลงทุนธุรกิจพลังงานสะอาด เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตของรายได้ให้ได้ตามเป้าหมายที่ 15% พร้อมรักษาระดับการเติบโตของ EBITDA มากกว่า 20% ของรายได้ยอดขายรวม เตรียมปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ผลักดันรายได้สู่ระดับ 4 พันล้านบาทภายในปี 70
 
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2566 นายชัชพล ประสพโชค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าการลงทุนในโครงการต่างๆ ต่อเนื่องจากการขับเคลื่อนกลยุทธ์การลงทุนธุรกิจพลังงานสะอาด เพื่อสร้างโอกาสการเติบโตของรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 15% ควบคู่กับการรักษาระดับการเติบโตของอัตรากำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) มากกว่า 20% ของรายได้ยอดขายรวม พร้อมทั้งอยู่ระหว่างการเตรียมปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ของ UAC Group เพื่อเป้าหมายรายได้ 4,000 ล้านบาทในปี 2570
 
โดยปัจจุบันโครงการที่มีการลงทุนในช่วงที่ผ่านมา ได้เริ่มทยอยเปิดดำเนินการเพิ่มขึ้น อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าภูผาม่าน (PPM) คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) เดินเครื่อง Generator#1 กำลังการผลิต 1.5 เมกกะวัตต์ ภายในเดือนธ.ค. 2566 นี้ ส่วนGenerator#2 กำลังการผลิต 1.5 เมกกะวัตต์ จะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาส 1/2567
 
ในส่วนของโครงการ PT Cahaya Yasa Cipta (CYC) ซึ่งเป็นโครงการภายการการลงทุนของบริษัท ยูเอซี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (บริษัทย่อย) ร่วมลงทุนใน PT Cahaya Cipta สัดส่วน 70% เพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตและจำหน่าย RDF3 ในประเทศอินโดนีเซีย มีกำลังการผลิตประมาณ 40,000 ตันต่อปี โดยจะจำหน่ายให้กับโรงปูนซีเมนต์ในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งได้มีการวางศิลาฤกษ์เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 23 ส.ค. 2566 และอยู่ระหว่างการจัดเตรียมข้อมูลเพื่อยื่นขอใบอนุญาตต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะสามารถดำเนินการก่อสร้างโรงงานและเปิด COD ภายในไตรมาส 3/2567
 
อย่างไรก็ตาม บริษัทให้ความความสำคัญในการรักษาสภาพคล่องทางการเงิน ลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อลดผลกระทบจากความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น จากภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังเจอแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้มองว่าเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มชะลอตัวจากภาระเงินเฟ้อ และอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูง โดยมีกระแสเงินสด ณ สิ้นไตรมาส 3/2566 จำนวน 250.73 ล้านบาท และอัตราส่วนหนี้สินรวมต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (D/E) 0.84 เท่า ยังคงเป็นไปตามกรอบนโยบายทางการเงินของบริษัทที่ไม่เกิน 2 เท่า