Phones





ส่งออกพ.ย.ติดลบ7.39% หวังปี63ฟื้นตัว

2019-12-23 13:34:05 1172




นิวส์ คอนเน็คท์ - ส่งออกเดือน พ.ย. ติดลบ 7.39% ลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 หลังเจอผลกระทบจากการส่งออกสินค้าน้ำมันและสินค้าเกี่ยวเนื่องหดตัวหนัก และผลกระทบจากสงครามการค้า ส่วนยอดรวม 11 เดือน ติดลบง 2.77% ลุ้นปี 63 ฟื้นตัว บวก 3.5%


น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าไทยเดือนพ.ย.2562 มีมูลค่า 19,656.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 7.39% ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน นับจากเดือน ก.ค.2562 ที่ขยายตัวเป็นบวกและจากนั้นลดลง และยังขยายตัวลดลงสูงสุดในรอบ 3 ปี 7 เดือน นับจากเดือน เม.ย.2559 ที่ลดลงถึง 7.60% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 19,108.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 13.78% โดยเกินดุลการค้า 548.8 ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนยอดรวมการส่งออก 11 เดือนของปี 2562 (ม.ค.-พ.ย.) มีมูลค่า 227,090.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 2.77% นำเข้ามูลค่า 218,081.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 5.22% โดยเกินดุลการค้ามูลค่า 9,008.9 ล้านเหรียญสหรัฐ

ปัจจัยที่ทำให้การส่งออกในเดือน พ.ย.ลดลง มาจากผลกระทบจากสินค้ากลุ่มน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง เช่น เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ที่มีสัดส่วนการส่งออกกว่า 11% ลดลงถึง 27% แต่เริ่มลดน้อยลง จากที่ก่อนหน้านี้ เดือนก.ย.และเดือนต.ค. ลดสูงถึง 40% และ 30% ขณะที่ราคาสินค้าเกษตรในตลาดโลกลดลง ทำให้ราคาสินค้าเกษตรกไทยลดลงตามไปด้วย และยังได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวจากสงครามการค้า แม้ว่าขณะนี้จะเริ่มดีขึ้นและไทยปรับตัวได้มากขึ้น

น.ส.พิมพ์ชนก กล่าวว่า การส่งออกในเดือนธ.ค.2562 หากทำได้เกิน 2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ การส่งออกทั้งปีจะติดลบ 2% และยังเป็นตัวเลขที่สอดคล้องกับสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และหน่วยงานรัฐอื่นๆ ประเมินไว้ ซึ่งถือเป็นทิศทางเดียวกันกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวจากสงครามการค้า

อย่างไรก็ตาม คาดว่าหลังจากที่สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน บรรลุข้อตกลงการค้าในเฟสแรกได้แล้ว ทำให้บรรยากาศการค้าดีขึ้น และน้ำมันตลาดโลกกลับเข้าสู่ภาวะปกติ สินค้าเกี่ยวเนื่องกับน้ำมันจะส่งออกดีขึ้น และกระทรวงพาณิชย์ยังมีมาตรการเชิงรุก ทั้งการเร่งรัดการส่งออกภายใต้ MOU ที่ได้ลงนาม การเจาะตลาดรายประเทศ และการเร่งเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) เพื่อขยายตลาด ทำให้ส่งผลดีต่อการส่งออกในปี 2563 โดยคาดว่าน่าจะเป็นบวกได้ 3.5% แต่ยังต้องจับตาปัจจัยเรื่องค่าเงินบาทที่ยังมีความผันผวน หรือสงครามการค้าที่ย้ายฝั่งจากจีนไปยุโรป หากเร็วและแรง จะส่งผลกระทบต่อการค้าโลกอีก