Phones





กูรูหุ้นประเมิน PTG ปี 66 กำไรแตะพันล. เชียร์ “ซื้อ” อัพเป้า 11.50 บ.

2023-12-19 14:30:34 245



นิวส์ คอนเน็คท์ - กูรูหุ้นจาก บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” PTG ประเมินแนวโน้มกำไรสุทธิปี 66 พุ่งแตะ 994 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากงวดเดียวกันปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิไตรมาส 4/66 คาดสูงกว่า 500 ล้านบาท รับแรงหนุนจากปริมาณยอดขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นและธุรกิจ Non-Oil ขณะที่กำไรปี 67 ประมาณการไว้ที่ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% อัพราคาเป้าหมายใหม่ที่ 11.50 บาท จากเดิม 10.40 บาท

เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2566 บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด เผยแพร่บทวิเคราะห์ โดยประเมินแนวโน้มกำไรสุทธิปี 66 ของบริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG ไว้ที่ 994 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 4/66 จะสูงกว่า 500 ล้านบาท (จากขาดทุนสุทธิ 4 ล้านบาทในไตรมาส 4/65 และกำไรสุทธิ 19 ล้านบาทในไตรมาส 3/66 ซึ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นคาดการณ์มาจากปริมาณยอดขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้นเป็น 1,550 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 10% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และไตรมาสที่ผ่านมา รวมถึงค่าการตลาดน้ำมันที่เพิ่มเป็น 1.90 บาท/ลิตร เพิ่มขึ้น 20% จากกับช่วงเดียวกันปีก่อน และ 14% เทียบไตรมาสที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยฯ ยังคาดว่ากำไรจากธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (Non-Oil) จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา เพราะยอดขายร้าน Max Mart และร้านกาแฟพันธุ์ไทยสูงขึ้นตามจำนวนรถที่มาใช้บริการสถานีบริการน้ำมันแบรนด์ PT ในไตรมาส 4/66 ที่เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรปี 67 ไว้ที่ 1.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% เทียบปี 66 เนื่องจากปริมาณยอดขายน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นหลัก โดยใช้สมมุติฐานว่าปริมาณยอดขายน้ำมันจะเพิ่มขึ้น 6% เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนเป็น 6,300 ล้านลิตรในปีหน้า จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทย หลังจากที่นักวิเคราะห์กลุ่มท่องเที่ยวของ KGI ประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 67 จะเพิ่มขึ้น 16% เทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เป็น 32 ล้านคน จาก 27.5 ล้านคนในปี 66

อีกทั้งยังคาดว่าค่าการตลาดน้ำมันปีหน้าจะอยู่ที่ 1.70 บาท/ลิตร ซึ่งเป็นขอบล่างของระดับปกติ (1.70-1.80 บาท/ลิตร) เนื่องจากราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มลดลงในปีหน้าเผชิญแรงกดดันน้อยลง จากการคุมเข้มค่าการตลาดน้ำมันเบนซินในไทย ถึงแม้ว่า รมว.พลังงานจะเร่งศึกษาและแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อคุมค่าการตลาดน้ำมันทุกประเภทไม่ให้เกิน 2.00 บาท/ลิตร แต่ฝ่ายวิจัยฯ เชื่อว่าการที่ราคาน้ำมันดิบดูไบที่ลดลงจาก US$93/bbl ในเดือน ก.ย. เป็น US$ 75/bbl ในปัจจุบัน จะช่วยลดแรงกดดันจากการคุมเข้มค่าการตลาดน้ำมันเบนซินของผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมันในไทย เพราะราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินลดลงมากหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบลดลง อีกทั้งกระบวนการศึกษาและแก้กฎหมายที่เกี่ยวข้องต้องใช้เวลายาวนาน

ดังนั้น ฝ่ายวิจัยจึงปรับราคาเป้าหมายปี 67 ไว้ที่ 11.50 บาท จากเดิม 10.40 บาท เพื่อสะท้อนถึงประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรปี 67 ที่ 34% เทียบกับช่วงเดียวกันปี 66 และปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น "ซื้อ" จากเดิม "ถือ" เนื่องจากคาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้นในไตรมาส 4/66 และเผชิญแรงกดดันน้อยลงจากการคุมเข้มค่าการตลาดน้ำมันเบนซินในไทย หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบดูไบลดลงในไตรมาสนี้