Phones





AECS คัดหุ้นเด่นสะสมเข้าพอร์ต

2019-08-06 01:56:49 181




นิวส์ คอนเน็คท์ – บล.เออีซี ประเมิน SET Index สัปดาห์นี้แกว่งตัวในกรอบ 1,670-1,700 จุด คาดนักลงทุนเกาะติดงบการเงิน Q2/62 ที่จะเริ่มทยอยประกาศออกมาก พร้อมจับตาทิศทางดอกเบี้ยในการประชุม กนง. 7 ส.ค.นี้ แนะเลือกหุ้นที่ได้อานิสงค์จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจอย่าง BJC, SEAFCO, DCC และหุ้นผลงานเด่น-ปันผลยั่วใจ ASK, LH


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) หรือ AECS ประเมินทิศทางดัชนีตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ (5-9ส.ค.) โดย SET Index จะผันผวนในกรอบ 1,670-1,700 จุด ซึ่งนักลงทุนอยู่ระหว่างติดตามผลประกอบการงวดไตรมาส 2/62 ของบริษัทจดทะเบียน รวมทั้งรอติดตามผลการประชุมกนง.ในวันที่ 7 ส.ค. นี้ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่า กนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75% ตามเดิม


สำหรับปัจจัยจากต่างประเทศยังมีความกังวลในประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน หลังนายโดนัลด์ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีน 10% มูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มีผลบังคับใช้ วันที่ 1ก.ย. 62 จากผลกระทบจึงทำให้ราคาน้ำมันมีอัพไซด์ ส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง และยังคงมีความผันผวนจากการทยอยประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯช่วงไตรมาส 2/62


ทั้งนี้ กลยุทธ์การลงทุนในระยะสั้น ยังคงให้น้ำหนักหุ้นในกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากแผนกระตุ้นศก.ของรัฐฯและยังมี Upside น่าสนใจ ได้แก่ หุ้น BJC ที่คาดว่าช่วงครึ่งปีหลังจะเห็นการฟื้นตัวจากการขยายสาขา BigC มากขึ้น หุ้น SEAFCO คาดผลประกอบการไตรมาส 2/62 จะเติบโต 5.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากงานก่อสร้างที่รับรู้สูงกว่าปีก่อน และหุ้น DCC คาดปี 62 เติบโตมากว่าปีก่อนจากกำลังผลิต และต้นทุนกระเบื้องดีขึ้นจาก Economy of scale หลังเข้าบริหารและถือหุ้น RCI รวมทั้งตั้งเป้าขยายสาขาปีนี้เพิ่มอีก 5 สาขาพร้อมปรับ Business Model


ในส่วนของหุ้นกลุ่ม Defensive Stock ท่ามกลางความผันผวนของตลาดหุ้นเราเลือกหุ้นที่มีอัตราจ่ายปันผลที่น่าสนใจ รวมทั้งกำไรช่วงครึ่งปีหลังมีแนวโน้มโตดี แนะนำ หุ้น ASK คาดผลดำเนินงานมีโตต่อเนื่องหนุนด้วยสินเชื่อรถพาณิชย์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามงานก่อสร้างภาครัฐฯ และการทยอยเปลี่ยนรถตู้เป็นรถมินิบัสของผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะตามมาตรการของ ขสมก. ส่วนหุ้น LH ได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV ที่จำกัดเนื่องจากมีสัดส่วนโครงการแนวราบมากกว่าคอนโดราว 2-3 เท่าบวกกับมีกำไรจากการลงทุนใน HMPRO, QH และ LHFG ที่โตต่อเนื่อง