Phones





SNNP ตั้งเป้ารายได้ปี 67 โต 2 หลัก

2024-02-21 09:21:03 237



นิวส์ คอนเน็คท์ - SNNP โชว์ผลดำเนินงานปี 66 สร้างสถิติสูงสุดใหม่ กำไรพุ่ง 23% แตะระดับ 636 ล้านบาท รายได้รวมโตทะลุเป้า 6,049 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% บอร์ดอนุมัติจ่ายปันผลเป็นเงินสดอีกในอัตรา 0.25 บาท/หุ้น ขึ้น XD วันที่ 7 พ.ค. 67 รวมทั้งปีจ่ายปันผล 0.482 บาท/หุ้น เปิดแผนปี 67 ตั้งเป้ารายได้เติบโต 2 หลัก พร้อมสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหม่กับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร “เจเล่ฟิตต์” (Jele Fitt) บุกตลาด

เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ - นายวิโรจน์ วชิรเดชกุล รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส สายงานธุรกิจในประเทศ บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหชน) หรือ SNNP ผู้นำผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม และขนมขบเคี้ยวของประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2566 มีกำไรสุทธิ 636 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 120 ล้านบาท หรือ 23% สร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง ส่วนรายได้รวม 6,049 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 445 ล้านบาท หรือ 8% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 5,604 ล้านบาท

ปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น มาจากแผนการตลาดที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และยอดขายสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงบริษัทฯ ทยอยออกสินค้าใหม่วางจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง และมีการวางกลยุทธ์ทางด้านการตลาด การปรับโฉมสินค้า รวมถึงการเปิดตัวภาพยนตร์โฆษณาชุดใหม่ๆ เพื่อสื่อสารทางการตลาดกับกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด ซึ่งมีกระแสตอบรับเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.25 บาท/หุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 7 พ.ค. 2567 กำหนดจ่ายวันที่ 24 พ.ค. 2567 ทั้งนี้ บริษัทจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้วหุ้นละ 0.232 บาท รวมทั้งปีเท่ากับ 0.482 บาท/หุ้น สำหรับผลการดำเนินงานปี 2566

“SNNP เปิดเกมรุก เปิดตัวสินค้าใหม่ในกลุ่มของผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Supplementary) ภายใต้แบรนด์ “เจเล่ฟิตต์” (Jele Fitt) ในรูปแบบเยลลี่รสผลไม้ ที่ถูกพัฒนาเพื่อให้เหมาะกับคนละช่วงวัย แบ่งเป็นสำหรับวัย 20-29 ปี สำหรับวัย 30-39 ปี และสำหรับวัย 40-49 ปี ราคาซองละ 15 บาท (1 ซอง บรรจุ 27 กรัม) วางจำหน่ายที่ร้านสะดวกซื้อ 7-11 ซึ่งจากการวิจัย Jele Fitt จะชนะใจผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี ในด้านแนวความคิดผลิตภัณฑ์ที่แตกต่าง ทั้งรสชาติสินค้าอร่อย บรรจุภัณฑ์ที่สะดวกพกพาง่าย รูปแบบดีไซน์ที่โดดเด่น ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ของเจเล่ที่จะเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภคอย่างแน่นอน” นายวิโรจน์ กล่าว

ส่วนแนวโน้มการเติบโตของบริษัทฯ มาจากแผนธุรกิจที่ ทางบริษัทฯได้มีการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ นอกเหนือจากประเทศเวียดนามที่เป็นประเทศหลัก บริษัทฯยังมองเห็นโอกาสในการทำตลาดในประเทศอื่น เช่น ฟิลิปปินส์, เกาหลี และจีน เป็นต้น และทางบริษัทฯยังคงเฟ้นหาตลาดเพิ่มเติม เพื่อส่งเสริมให้บริษัทฯมีการเติบโตอย่างมีคุณภาพ และอย่างยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจัยดังกล่าวช่วยสนับสนุนการผลดำเนินงานของบริษัทฯให้เติบโต โดยคาดว่าในปี 2567 รายได้จะสามารถเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก