Phones





BAFS ไม่หวั่นกำไรทรุด เดินเกมรุกธุรกิจพลังงานทดแทน

2024-02-23 20:24:23 233



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - BAFS ประกาศผลการดำเนินงานปี 66 มีรายได้รวม 3,074 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% แต่ขาดทุนสุทธิจำนวน 138 ล้านบาท พร้อมขับเคลื่อนกลยุทธ์สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน เดินหน้าลงทุนธุรกิจไฟฟ้าพลังงานทดแทน และขยายโครงการท่อขนส่งน้ำมัน เสริมแกร่งความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
 
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท เชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินการของ BAFS GROUP ยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยผลประกอบการไตรมาส 4/2566 มีรายได้รวมทั้งสิ้น 803 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2565 จากนโยบายส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยในปีที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวสะสมตลอดทั้งปีจำนวนกว่า 28 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้น 2.5 เท่าจากปีก่อน และจากปริมาณขนส่งน้ำมันรวมทุกผลิตภัณฑ์ของโครงการระบบท่อส่งน้ำมันภาคเหนือ (NFPT) ที่เติบโตขึ้นมากกว่า 100% จากการทำธุรกิจเชิงรุก รวมทั้งจากการขยายการลงทุนในกลุ่มธุรกิจพลังงานทดแทน
 
อย่างไรก็ตาม BAFS GROUP มีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ในไตรมาส 4/2566 ลดลง 29% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยลดลงจากค่าใช้จ่ายดำเนินงาน ค่าผลประโยชน์ตอบแทนจากการดำเนินกิจการให้บริการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน (Airport Concession Fee: ACF) สำหรับต้นทุนทางการเงินสุทธิเพิ่มขึ้นจากการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ตามทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของตลาดเงินโดยรวม
 
นอกจากนี้ในไตรมาส 4/2566 มีการรับรู้ผลขาดทุนจากการปรับลดมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 45.4 ล้านบาท ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของค่าความนิยมและเงินลงทุนรวมจำนวน 33.6 ล้านบาท และรับรู้ผลขาดทุนจากการขายเงินลงทุนในกิจการร่วมค้าแห่งหนึ่งจำนวน 15 ล้านบาท รวมถึงมีการตัดจำหน่ายผลประโยชน์ภาษีเงินได้ (DTA) ที่คาดว่าจะไม่ได้ใช้ประโยชน์ในอนาคต จำนวน 65 ล้านบาทด้วย ส่งผลให้ในไตรมาส 4/2566 มีขาดทุนสุทธิจำนวน 197.7 ล้านบาท ทำให้ภาพรวมผลประกอบการในปี 2566 มีรายได้รวม 3,074 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% จากปีก่อน มีขาดทุนสุทธิจำนวน 138 ล้านบาท ลดลง 51% จากปีก่อน
 
อย่างไรก็ตาม รายการดังกล่าวถือเป็นค่าใช้จ่ายทางบัญชีเท่านั้น ไม่ได้กระทบต่อกระแสเงินสดแต่อย่างใด ดังจะเห็นได้จากอัตราความสามารถในการทำกำไร (EBITDA Margin) จากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายในปี 2566 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2565
 
ทั้งนี้ BAFS GROUP ยังคงรักษาความเป็นผู้นำในธุรกิจบริการพลังงาน และสร้างสมดุลในโครงสร้างธุรกิจ เดินเกมรุกขยายการลงทุนด้านพลังงานทดแทนทั้งในและต่างประเทศ เพื่อลดการพึ่งพิงรายได้หลักจากธุรกิจบริการน้ำมันอากาศยาน ตลอดจนมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero target) โดยในปีที่ผ่านมาได้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่เพื่อประกอบธุรกิจโดยมีรายได้จากการถือหุ้น ภายใต้ชื่อ BX Global Invest Pte ประเทศสิงคโปร์ และบริษัท BAFS X Mongolia LLC ในประเทศมองโกเลีย นอกจากนี้ ยังร่วมลงทุนในโครงการแปรรูปขยะเพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้า ในสัดส่วนการถือหุ้น 30% กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะเริ่มเปิดดำเนินการได้ในปี 2569