Phones





PRM รับมอบเรือ “Hybrid Crew Boat” ลำที่ 2 เสริมแกร่งธุรกิจปี 67

2024-03-06 13:56:52 311



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - PRM เดินหน้าเสริมทัพกองเรือต่อเนื่อง ล่าสุดรับมอบเรือ “Crew Boat ระบบไฮบริด” ลำที่ 2 นับเป็นเรือ Crew Boat ระบบไฮบริดชุดแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ มุ่งสู่เป้าหมาย “Net zero emissions” พร้อมหนุนผลงานปี 67 เติบโตตามเป้าหมาย
 
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2567 นางสาวนีรชา ปานบุญห้อม กรรมการ บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ PRM เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำทำพิธีรับมอบเรือ “Crew Boat ระบบไฮบริด” ลำที่ 2 อย่างเป็นทางการ หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทได้รับมอบเรือลำแรกไปแล้วเมื่อเดือนม.ค. 2567 นับเป็นเรือ “Crew Boat ระบบไฮบริด” 2 ลำแรก ที่ให้บริการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
 
สำหรับเรือ “Crew Boat ระบบไฮบริด” ที่รับมอบในครั้งนี้ สามารถประหยัดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้ประมาณ 20-30% เมื่อเทียบกับเรือ Crew Boat แบบเดิม และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ ช่วยลดปัญหาโลกร้อน และสนับสนุนให้ PRM มุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ “Net zero emissions” ในอนาคต โดยเรือทั้ง 2 ลำพร้อมให้บริการสนับสนุนงานด้านการขนส่งบุคคลากรและเครื่องจักร เพื่อสนับสนุนการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเลของ กลุ่มเชฟรอน และ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. ซึ่งจะรับรู้รายได้ตั้งแต่ต้นไตรมาส 2/2567 เป็นต้นไป
 
ทั้งนี้ การสั่งต่อเรือ “Crew Boat ระบบไฮบริด” ทั้ง 2 ลำ มีขึ้นหลังจาก “เชฟรอน” และ “ปตท.สผ.” ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของบริษัท ประกาศเจตนารมณ์เดินหน้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2590 เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางขององค์การสหประชาชาติ และสนับสนุนเป้าหมาย Net Zero ในปี 2608 ของประเทศไทย โดย PRM ในฐานะผู้ประกอบธุรกิจให้บริการขนส่งและจัดเก็บน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป และปิโตรเคมีเหลว ทางเรือให้กับลูกค้าตามความต้องการอย่างครบวงจร พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการจัดการก๊าซเรือนกระจกและภาวะโลกร้อน รวมถึงสนับสนุนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศไทย ด้วยการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัยช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาให้บริการกับลูกค้า เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน ตอกย้ำความเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมขนส่งและจัดเก็บปิโตรเลียมทางทะเลระดับชั้นนำของไทย
 
“ไม่เพียงแต่การนำนวัตกรรม Hybrid มาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพของเรือในด้านการประหยัดพลังงานและลดการใช้เชื้อเพลิงสำหรับเรือ Crew Boat ทั้ง 2 ลำนี้ แต่บริษัทยังมองถึงการนำเทคโนโลยีการออกแบบเรือและการใช้เครื่องยนต์ระบบ Hybrid มาใช้ในเรือประเภทอื่นเพิ่มเติม การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการดักจับคาร์บอนกับกองเรือที่มีอยู่ในปัจจุบันและอาคารสำนักงาน รวมถึงเก็บข้อมูลสำหรับการจัดทำ Carbon Footprint ของธุรกิจ เพื่อเป็นฐานในการตั้งเป้าหมายสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ และในปี 2567 นี้ บริษัทยังมีแผนเดินหน้าลงทุนขยายกองเรือประเภทอื่นๆ เพิ่มเติม ทั้งกลุ่มเรือขนส่งปิโตรเคมีและธุรกิจเรือ Offshore Support เพื่อสนับสนุนให้ผลประกอบการปี 2567 เติบโตตามเป้าที่กำหนดไว้” นางสาวนีรชา กล่าว