Phones





วิริยะประกันภัย ลุยปั๊มเบี้ยรับรวม 4.3 หมื่นล. รุกประกันสุขภาพส่วนบุคคล

2024-03-14 16:56:14 3918



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - วิริยะประกันภัย ตั้งเป้าเบี้ยประกันภัยรับรวมในปี 67 อยู่ที่ 43,000 ล้านบาท เติบโต 6% พร้อมตั้งเป้ารักษากำไรประมาณ 3,000 ล้านบาท เดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัย สุขภาพส่วนบุคคล ประกันสุขภาพเฉพาะโรค และประกันภัยโรคร้ายแรง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพิ่มความคุ้มครอง และ บริการที่เกี่ยวข้อง
 
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2567 นายอมร ทองชิว กรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในปี 2567 บริษัทยังคงมุ่งมั่นพัฒนาการบริการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน และ การให้บริการต่างๆ โดยยึดหลักลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ซึ่งในปีนี้จะมุ่งเน้นไปที่การส่งมอบประสบการณ์ความคุ้มค่าให้กับลูกค้า ภายใต้แนวคิด "ปีแห่งความ มั่นคงและเป็นธรรม : มากกว่าความคุ้มครอง คือ ความคุ้มค่า”
 
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 77 ปี ของการดำเนินงาน บริษัทยังคงยืนหยัดเคียงข้าง ดูแลเพื่อทำหน้าที่บริหารจัดการความเสี่ยงด้วยระบบประกันภัยให้กับประชาชนในสังคม และ ตอกย้ำความมั่นคงแข็งแกร่งด้วยสินทรัพย์ที่มีอยู่ถึง 68,335 ล้านบาท และ อัตราส่วนเงินกองทุน (CAR) อยู่ที่ 180% ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่ามาตรฐานของเงินกองทุนฯ ตามที่กฎหมายกำหนดไว้
 
สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทยังคงครองส่วนแบ่งตลาดประกันวินาศภัยอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 31 โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 14% เช่นเดียวกันกับตลาดประกันภัยรถยนต์ที่วิริยะประกันภัย ยังครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 36 โดยมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 22% ผลสำเร็จนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นคง แข็งแกร่ง และ ความน่าเชื่อถือของบริษัท โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทมีเบี้ยประกันภัยรับตรงรวมทั้งสิ้น 40,077 ล้านบาท แบ่งเป็นเบี้ยประกันภัยรถยนต์ 35,633 ล้านบาท และ ประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ 4,444 ล้านบาท ซึ่งมีกำไร อยู่ที่ 3,000 ล้านบาท
 
ขณะที่ในปี 2567 บริษัทตั้งเป้าหมายเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 43,000 ล้านบาท เติบโต 6% แบ่งเป็น ประกันภัยรถยนต์ 38,000 ล้านบาท เติบโต 6% และ ประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ 5,000 ล้านบาท เติบโต 11% และ คาดว่า ปี 2567 จะรักษากำไรประมาณ 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับใกล้เคียงกับปีก่อน ในส่วนของพอร์ตลงทุน ปัจจุบันมีสินทรัพย์ลงทุน อยู่ที่ 60,000 ล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในหุ้น 29,000 ล้านบาท และ พันธบัตรรัฐบาล และ เงินฝาก ประมาณ 31,000 ล้านบาท โดยการลงทุนหุ้นได้รับผลกระทบจากภาวะตลาดหุ้นที่ดัชนีปรับตัวลดลง จากเดิม 1,600 จุด ซึ่งปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่ 1,400 จุด ส่งผลให้มูลค่าหุ้นปรับตัวลดลง 6%
 
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังไม่มีนโยบายปรับพอร์ต หรือเพิ่มการลงทุนหุ้น เนื่องจากสภาวะตลาดหุ้นยังไม่เอื้ออำนวย ในขณะที่พันธบัตร และ เงินฝาก ได้รับอานิสงส์จากดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผลให้ผลตอบแทนจากการลงทุน(IRR) สิ้นปี 2566 อยู่ที่ 4.4% โดยคาดว่าปี 2567 จะทรงตัวในระดับดังกล่าว
 
ด้านนายสยม โรหิตเสถียร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมของประกันภัยรถยนต์ (Motor) ในปีที่ผ่านมาบริษัทมีการพัฒนางานบริการด้านสินไหมทดแทน และ งานรับประกันภัยที่สำคัญในหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านระบบงาน โดยบริษัทมีการพัฒนา ทบทวน ปรับปรุง Redesign ระบบงานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านสินไหมทดแทน และ รับประกันภัย ให้กระชับ สะดวก รวดเร็ว และ มีประสิทธิภาพมากขึ้น
 
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการรองรับการขยายตัวของตลาดยานยนต์ไฟฟ้าที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงได้จัดอบรมความรู้หลักสูตร เกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้กับบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ทั้งเจ้าหน้าที่ตรวจสอบอุบัติเหตุ เจ้าหน้าที่สรุปความเสียหาย รวมไปถึงบริษัทคู่ค้า ตัวแทนประกันวินาศภัย และ ศูนย์ซ่อมมาตรฐานของวิริยะประกันภัยทุกภูมิภาคทั่วประเทศ เพื่อรองรับการให้บริการลูกค้าได้อย่างมืออาชีพอีกด้วย โดยปี 2566 บริษัทมีเบี้ยประกันรถยนต์ EV ประมาณ 400 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในปี 2567 บริษัทไม่ได้ตั้งเป้าเบี้ยประกันรถยนต์ EV เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนของตลาด ซึ่งราคาเบี้ยประกันรถยนต์ EV จะสูงกว่ารถยนต์สันดาปประมาณ 10-15%
 
นางฐวิกาญจน์ เตชทวีทรัพย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท วิริยะ ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทิศทางของประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non-Motor) ปี 2567 บริษัทจะมุ่งเน้นไปที่การรับประกันความเสี่ยงภัยรายย่อยด้านส่วนบุคคล ทั้งประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ประกันภัยการเดินทาง ประกันภัยบ้าน และ ประกันภัยความรับผิด รวมทั้งให้ความสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัย สุขภาพส่วนบุคคล ประกันสุขภาพเฉพาะโรค และ ประกันภัยโรคร้ายแรง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เพิ่มความคุ้มครอง และ บริการที่เกี่ยวข้อง มุ่งเน้นการดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และ ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของลูกค้า (Good Health and Wellbeing)
 
นอกจากนี้ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ประกันภัยเดินทางเพื่อให้สอดคล้องกับภาพรวมการท่องเที่ยวที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ตลอดไปจนถึงการพัฒนาประกันภัย Carrier Liability Insurance, Cyber Security Insurance และ Professional Liability Insurance ด้วยการออกแบบ ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ประกอบการในแต่ละประเภทธุรกิจ
 
ในส่วนของการพัฒนาด้านเทคโนโลยีเพื่อพัฒนาระบบงาน Non-Motor บริษัทฯ มี Roadmap ในการพัฒนาระบบ New Core System โดยมีการเริ่มใช้งานระบบ New Core Phase 1 ในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันภัยการเดินทาง เมื่อช่วงธันวาคม 2566 และ Phase ต่อไปในปี 2567 จะเป็นในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพ และประกันอุบัติเหตุ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพระบบการบริการ ประกันภัย และ สินไหมรองรับการเติบโตของบริษัท