Phones





JMART โล่งอก TRIS คงอันดับเครดิต คอนเฟิร์มปีนี้ทำ All Time High

2024-03-20 15:27:31 162



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - JMART มั่นใจธุรกิจปี 67 มุ่งสู่ All Time High แย้มบริษัทที่เข้าไปลงทุนคาดให้ปันผลตอบแทนกลับมาเฉียดพันล้าน หนุนกระแสเงินสดในมือแน่น ด้าน JMT ส่งสัญญาณ Q1/67 ยอดจัดเก็บยังทำได้ดีตามแผน ด้านทริสเรทติ้งยังคงอันดับเครดิตองค์กร และหุ้นกู้ JMART JMT
 
เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2567 นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจของบริษัทยังคงแข็งแกร่ง โดยทริสเรทติ้งยังคงอันดับเครดิตองค์กรของ JMART และบมจ. เจเอ็มที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส หรือ JMT ที่ระดับเดิม ที่ “BBB+” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ JMART และ JMT ที่ระดับ “BBB” แม้ปรับเปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น “Negative” จาก “Stable” เนื่องจากมองว่าสถานะทางการเงินของ JMART ที่อ่อนแอลง อันเนื่องมาจากผลการดำเนินงานที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้ และการลงทุนเชิงรุกในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
 
ทั้งนี้ มั่นใจว่า ในปี 2567 JMART จะกลับมาทำ All Time High และแข็งแกร่งขึ้นจากบริษัทย่อยซึ่งเป็น Key Drivers ที่สำคัญคือ JMT มีผลประกอบการที่เติบโตมาโดยตลอด รวมทั้งการเก็บเกี่ยวผลกำไรในบริษัทที่เข้าไปลงทุน ได้แก่ บริษัทสุกี้ตี๋น้อย ที่มีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้ง BRR, PRTR. และ BKD จึงประมาณการผลตอบแทนที่บริษัทลงทุนคาดว่าจะได้รับเงินปันผลกลับมาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย สร้างกระแสเงินสดกลับมาให้บริษัท
 
ทั้งนี้ ในปี 2566 JMART มีเงินสดในมือราว 800 ล้านบาท รวมกับเงินปันผลที่คาดว่าจะได้รับอีกเกือบ 1 พันล้านบาท มองว่า การบริหารเงินลงทุนที่ผ่านมา ได้สร้างโอกาสทางธุรกิจและผลตอบแทนได้อย่างน่าสนใจ ซึ่งยังไม่นับรวมยอดขายหรือโอกาสทางธุรกิจที่มาจากการ Synergy ร่วมกันภายในกลุ่ม และนี่คือ Value ที่ซ่อนอยู่ของเจมาร์ท ในด้านความแข็งแกร่งของโครงสร้างทุนมีหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวม (IBD/E) เพียง 0.76 เท่า
 
อย่างไรก็ตาม ในปี 2566 แม้ว่าบริษัทได้รับผลกระทบจากการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม SINGER และ SGC ซึ่งสามารถพิสูจน์ผลงานในงบไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา พลิกกลับมาทำกำไรได้ตามที่วางไว้ หลังจากกลุ่มบริษัท SINGER และ SGC ไม่มีตั้งสำรองอย่างมีนัยสำคัญ และกำลังสร้างธุรกิจใหม่เพื่อเทิร์นอะราวด์ มองเป็นวิกฤติที่กลุ่มบริษัทได้ปิดความเสี่ยงในส่วนนั้นไว้แล้ว และจะแข็งแกร่งขึ้นในช่วงต่อจากนี้ ยืนยันปี 2566 ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว
 
ขณะที่ภาพรวมธุรกิจบริหารหนี้ของ JMT เป็นธุรกิจที่แข็งแกร่ง จากการเป็นผู้นำ AMC บริหารหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน และจะยังเติบโตต่อเนื่องจากพอร์ตหนี้ที่บริษัทซื้อมาบริหาร และการจัดเก็บที่มีประสิทธิภาพ แม้สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ และความสามารถในการจ่ายชำระของลูกหนี้
 
อย่างไรก็ตาม JMT ดำเนินธุรกิจมากว่า 20 ปี และมั่นใจว่าในทุกวิกฤติจะเป็นโอกาสเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก เป็นโอกาสให้ JMT ซื้อหนี้เข้ามาบริหารต่อเนื่อง พร้อมเผยแนวโน้มไตรมาส 1/2567 ยอดจัดเก็บยังทำได้ตามแผนคาดดีกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จึงมั่นใจ JMT ในปี 2567 จะทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่อง โดย ณ สิ้นปี 2566 บริษัทมีพอร์ตบริหารหนี้รวมอยู่ที่ประมาณ 510,000 ล้านบาท (รวม JK AMC) มีฐานะการเงินแข็งแกร่งได้วางแผนกระแสเงินสดในการชำระคืนหุ้นครบกำหนดไถ่ถอนไว้เรียบร้อยแล้ว