Phones
หน้าแรก
Stock
เศรษฐกิจมหภาค
แบงก์ - Finance
อสังหาริมทรัพย์ - Marketing
ประกัน - ท่องเที่ยว
Variety
สกู้ป พิเศษ
SET
SINO มั่นใจ 'ธุรกิจคลังสินค้า' ครึ่งปีหลังเด่น ลูกค้าใหม่เช่าพื้นที่เพิ่ม
MAI
ATP30 ส่งซิก Q3/67 ฟอร์มดี เตรียมรับงานลูกค้าใหม่
IPO
NCP เปิดฉากโรดโชว์ออนไลน์ ก่อนเข้าเทรด mai
บล./บลจ
GBS แนะกลยุทธ์ลงทุนช่วง SET ผันผวน
เศรษฐกิจ-การเงิน-การคลัง
กรุงศรี วางกรอบเงินบาท 35.80-36.60 บ./ดอลลาร์ ลุ้นยอดค้าปลีกสหรัฐฯ
การค้า - พาณิชย์
เงินเฟ้อ มิ.ย.67 เพิ่ม 0.62% รวมครึ่งปีอยู่ที่ 0%
พลังงาน - อุตสาหกรรม
WEH โชว์ยอดจองหุ้นกู้ทะลุเป้า 431 ล้านบาท
คมนาคม - โลจิสติกส์
WICE รับใบประกาศนียบัตร CAC ตอกย้ำบริหารงานตามหลักธรรมภิบาล
แบงก์ - นอนแบงก์
TTB มอบสิทธิพิเศษแก่ลูกค้าบัญชีเงินฝากเงินตราต่างประเทศ ชูดอกเบี้ยสูง 4.10%
ไฟแนนซ์ - ลิสซิ่ง
SAWAD คลอดหุ้นกู้ 3 ชุดใหม่ ชูยีลด์สูงสุด 5.25% คอนเฟิร์มฐานะการเงินแกร่ง
SMEs - Startup
KXVC ผนึก AI Fund ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์สร้างสตาร์ทอัพด้าน AI
ประกันภัย - ประกันชีวิต
พรูเด็นเชียล ประเทศไทย แต่งตั้งผู้บริหารใหม่ เดินเกมรุกช่องทางตัวแทน
รถยนต์
ย้ำกระแสฟีเวอร์! PT Songkhla Grandprix Street Circuit
ท่องเที่ยว
ASIA ปิดจ๊อบ! ขายหุ้นกู้ครั้งแรกเกลี้ยง 480 ลบ.
อสังหาริมทรัพย์
ส.ธุรกิจรับสร้างบ้าน แนะจังหวะสร้างบ้านใหม่ รับลดหย่อนภาษี ‘ล้านละหมื่น’
การตลาด
‘InfoComm Asia 2024’ เริ่มแล้ว รวมพลังแบรนด์ Pro AV ระดับโลก
CSR
KXVC ผนึก AI Fund ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์สร้างสตาร์ทอัพด้าน AI
Information
EXIM BANK สนับสนุนทางการเงินแก่ WHA Group
Gossip
NER พื้นฐานสุดแกร่ง โบรกฯ ให้เป้า 6.80 บ.
Entertainment
SCB EIC แนะปรับวิธีออมเงิน นับถอยหลังสู่วัยเกษียณ
สกุ๊ป พิเศษ
ตลท.ปั้น 'คนรุ่นใหม่' เข้าสู่ตลาดทุนไทย
SCB EIC เดาใจ กนง. ลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง สู่ระดับ 2.00%
2024-04-12 17:31:59
142
sharer
นิวส์ คอนเน็คท์ – SCB EIC ประเมิน กนง. ยังมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ 2 ครั้ง เพื่อรักษาสถานะความเป็นกลางของนโยบายการเงิน โดยจะเริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุมครั้งต่อไปในเดือน มิ.ย. และต่อเนื่องในเดือน ส.ค. สู่ระดับ 2%
เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2567 ดร.ฐิติมา ชูเชิด ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยเศรษฐกิจมหภาคศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ SCB EIC เปิดเผยว่า จากการที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ 5 ต่อ 2 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ต่อปี โดย 2 เสียงเห็นว่าควรลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% โดยกรรมการเสียงส่วนใหญ่ประเมินว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงิน พร้อมระบุความกังวลหนี้ครัวเรือนสูง และให้ความสำคัญของกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ (Debt deleveraging) ที่ควรมีอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเปราะบางของเศรษฐกิจการเงินในระยะยาว ขณะที่กรรมการเสียงส่วนน้อยเห็นว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจะช่วยให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายสอดคล้องกับศักยภาพเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวต่ำลงจากปัจจัยเชิงโครงสร้างที่ชัดเจนขึ้นและจะมีส่วนช่วยบรรเทาภาระของลูกหนี้ได้บ้าง
โดย กนง. ประเมินเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้นจากปีก่อนที่ 2.6 % และ 3.0 % ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ โดยระบุชัดว่า ปัญหาเชิงโครงสร้างทำให้เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวได้ลดลงช่วงหลังวิกฤต COVID-19 สำหรับด้านเงินเฟ้อ กนง. ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 0.6% และ 1.3% ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ ตามราคาอาหารสดที่ปรับลดลงและมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะทยอยปรับเพิ่มขึ้นกลับเข้ากรอบเป้าหมายภายในปลายปีนี้ นอกจากนี้ กนง. มองภาวะการเงินโดยรวมทรงตัว แต่ธุรกิจขนาดเล็กและครัวเรือนรายได้น้อยบางส่วนเผชิญกับภาวะการเงินตึงตัว ในระยะข้างหน้า กนง. เห็นว่ายังมีความไม่แน่นอนจากการฟื้นตัวของภาคการส่งออก การเบิกจ่ายงบประมาณ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ยังเป็นประเด็นต้องติดตาม
ทั้งนี้ SCB EIC ยังคาดว่า กนง. จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ แม้รอบการประชุมนี้ กนง. จะยังมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2.5% แต่การมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ติดต่อกันอีกครั้งหนึ่งยังเป็นการส่งสัญญาณการเปลี่ยนทิศทางอัตราดอกเบี้ยในระยะข้างหน้า หากพิจารณาผลการประชุมในอดีตพบว่า กนง. มักจะมีมติไม่เป็นเอกฉันท์ต่อเนื่องหลายครั้งเพื่อส่งสัญญาณต่อตลาดการเงินก่อนจะเปลี่ยนทิศทางอัตราดอกเบี้ย โดยในการประชุมครั้งนี้ กนง. ยังสื่อสารเน้นปัญหาเชิงโครงสร้างที่กดดันให้ศักยภาพเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำลง โดยเฉพาะภาคการส่งออกและภาคการผลิตที่เผชิญความสามารถในการแข่งขันที่ลดลงและภาวะสินค้าล้นตลาด ประกอบกับกรรมการเสียงส่วนน้อยเห็นว่าควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยให้สอดคล้องกับศักยภาพเศรษฐกิจที่ต่ำลงจากปัจจัยเชิงโครงสร้างดังกล่าวและจะช่วยบรรเทาภาระของลูกหนี้ได้ด้วย
ขณะที่มุมมองของ กนง. ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะสั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากครั้งก่อนมากนัก อย่างไรก็ดี กรรมการเสียงส่วนน้อยได้ให้เหตุผลเพิ่มเติมในการลดดอกเบี้ยจากรอบก่อนว่า “จะช่วยบรรเทาภาระของลูกหนี้ได้บ้าง” ดังนั้น SCB EIC จึงประเมินว่า กนง. มีแนวโน้มใช้ผลการ “Recalibrate” นโยบายการเงิน โดยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงในการประชุมครั้งต่อไป เพื่อรักษาสถานะความเป็นกลางของนโยบายการเงิน (Neutral stance) กล่าวคือ เป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่จะไม่กระตุ้นหรือฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจจากระดับศักยภาพที่ประเมินใหม่ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันอยู่สูงกว่าระดับที่สอดคล้องกับศักยภาพการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ปรับลดลง ทั้งนี้ SCB EIC ประเมินระดับของอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว (Neutral rate) สำหรับเศรษฐกิจไทยไว้ที่ 2.13% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงในปัจจุบันหากประเมินด้วยอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ใน 1 ปีข้างหน้ากำลังจะเข้าสู่ระดับที่สูงกว่าในอดีตแล้ว เป็นสัญญาณสะท้อนถึงความตึงตัวของนโยบายการเงิน
ในส่วนของข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจและเงินเฟ้อในระยะสั้นคาดว่าจะมีผลไม่มากนักต่อการตัดสินใจของ กนง. เนื่องจาก กนง. มองว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายมีประสิทธิผลจำกัดในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างที่มีผลทำให้เศรษฐกิจเติบโตต่ำในช่วงหลัง COVID-19 อีกทั้ง ยังมองว่าข้อมูลเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาไม่ได้สะท้อนความอ่อนแอของอุปสงค์ในประเทศ และเงินเฟ้อจะทยอยกลับเข้ากรอบได้ช่วงปลายปีนี้ อย่างไรก็ดี ในการประชุมรอบนี้มีข้อสังเกตว่า กนง. ให้น้ำหนักกับเสถียรภาพระบบการเงินในประเด็นความกังวลต่อหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง โดยมองว่าอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำจะเพิ่มความเปราะบางของเศรษฐกิจในระยะยาวจากการกระตุ้นยอดคงค้างหนี้ แม้จะช่วยลดภาระหนี้ในระยะสั้น
นอกจากนี้ ยังระบุถึงความสำคัญของกระบวนการปรับลดสัดส่วนหนี้ต่อรายได้ (Debt deleveraging) ที่ควรมีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการระบุว่านโยบายการเงินมีประสิทธิผลจำกัดในการแก้ปัญหาการเข้าถึงสินเชื่อของธุรกิจและครัวเรือนบางกลุ่มที่กำลังเผชิญภาวะการเงินตึงตัวในขณะนี้ จึงสนับสนุนนโยบายของ ธปท. ด้านอื่นในการดำเนินมาตรการเฉพาะจุดผ่านสถาบันการเงิน โดยเฉพาะมาตรการการให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบและเป็นธรรม (Responsible lending)
ทั้งนี้ โดยสรุป SCB EIC ประเมินว่า มติ กนง. ที่ไม่เป็นเอกฉันท์ต่อเนื่องในรอบนี้และศักยภาพเศรษฐกิจไทยในระยะยาวที่ลดลง ทำให้ประเมินว่า กนง. จะยังมีแนวโน้มปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้ 2 ครั้งตามที่ประเมินไว้รอบก่อน เพื่อรักษาสถานะความเป็นกลางของนโยบายการเงิน โดยจะเริ่มลดดอกเบี้ยครั้งแรกในการประชุมครั้งต่อไปในเดือน มิ.ย. และต่อเนื่องในเดือน ส.ค. สู่ระดับ 2%
SINO มั่นใจ 'ธุรกิจคลังสินค้า' ครึ่งปีหลังเด่น ลูกค้าใหม่เช่าพื้นที่เพิ่ม
ตลท.ยกระดับการประเมินความยั่งยืน บจ. เข้มข้น
GULF ควบ INTUCH ชงผู้ถือหุ้นไฟเขียว 3 ต.ค.67 - NER พื้นฐานสุดแกร่ง โบรกฯ ให้เป้า 6.80 บ.
EA ร่วงติดฟลอร์วันที่ 2 ลงมาอยู่ที่ 6.45 บาทต่อหุ้น
GULF ประกาศควบรวม INTUCH เตรียมเทนเดอร์ฯ ADVANC และ THCOM
AQUA ต่อสัญญา 'ยูนิลีเวอร์' เช่าคลังสินค้า มูลค่า 1.7 พันล. - SPREME ซุ่มดีล M&A อัพโต 15%