Phones





กนง.เซอร์ไพรส์หั่นดอกเบี้ย 0.25% หนแรกรอบ 4 ปี

2019-08-08 01:13:14 341




นิวส์ คอนเน็คท์ – กนง.หักปากกาเซียน ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จาก 1.75% ลงสู่ระดับ 1.50% หลังเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ พร้อมเตรียมหั่นตัวเลขจีดีพีอย่างเป็นทางการเดือนต.ค.นี้ จากเดิมที่วางเป้าหมายจีดีพีไว้ที่ 3.3% ด้านหอการค้าไทยพอใจ กนง.ลดดอกเบี้ย แต่ยังเตรียมเสนอทางเลือกเพิ่มเติมเพื่อช่วยผู้ส่งออก


นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน และในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กนง.วันนี้ (7ส.ค.) มีมติให้ลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จากระดับ 1.75% ลงมาอยู่ที่ 1.5% ซึ่งถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกแรกในรอบ 4 ปี เนื่องจาก กนง.ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ รวมไปถึงภาคการส่งออกที่ชะลอตัวได้เริ่มส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ในประเทศ   


สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มต่ำกว่าขอบล่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ โดยกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 1-4% เนื่องจากจากราคาพลังงานที่ปรับลดลงค่อนข้างเร็ว รวมทั้งอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่มีแนวโน้มชะลอลงตามแรงกดดันด้านอุปสงค์ที่ปรับลดลง ขณะที่ภาวะการเงินโดยรวมยังอยู่ในระดับผ่อนคลาย แต่ต้องติดตามนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น จะมีส่วนช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจและเอื้อให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับสู่กรอบเป้าหมาย  


เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าที่ประเมินไว้ที่ 3.3% และต่ำกว่าศักยภาพ โดยการส่งออกหดตัวมากกว่าที่ประเมินไว้ที่ 0% ตามเศรษฐกิจคู่ค้าและปริมาณการค้าโลกที่ชะลอลงจากสภาวะกีดกันทางการค้าที่ทวีความรุนแรงและขยายวงกว้างมากขึ้น โดยจะมีการปรับประมาณการอย่างเป็นทางการราวเดือนต.ค.นี้” นายทิตนันทิ์ กล่าว  


ทั้งนี้ กนง.จะติดตามความเสี่ยงด้านต่างประเทศ โดยเฉพาะมาตรการกีดกันทางการค้าที่สูงขึ้น และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ รวมทั้งจะติดตามการดำเนินนโยบายของรัฐบาลใหม่ และการใช้จ่ายภาครัฐ รวมถึงติดตามความคืบหน้าของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ และผลต่อเนื่องไปยังการลงทุนภาคเอกชน ซึ่งอาจส่งผต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป    


ด้านนายกลินท์ สารสิน ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่กนง. ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ ถือว่าค่อนข้างเซอร์ไพรศ์ แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะที่ผ่านมาเอกชนเจอปัญหากับค่าเงินบาทที่แข็งค่า และไม่มีเสถียรภาพจนส่งผลกระทบภาคการส่งออก


อย่างไรก็ตาม การลดอัตราดอกเบี้ยเป็นเพียง 1 มาตรการที่ได้เสนอไป แต่ยังยังมีอีกหลายแนวทางที่ต้องการเสนอต่อธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งโดยรวมแล้วมีข้อเสนอประมาณ 10 ข้อ เนื่องจากต้องการให้อัตราแลกเปลี่ยนมีเสถียรภาพ ไม่ผันผวนจนเกินไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคส่งออก เพราะที่ผ่านมาเอกชนเจอผลกระทบจากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าเมื่อเทียบกับประเทศคู่ค้า หรือเพื่อนบ้านทำให้สูญ