Phones





6 โบรกฯ เชื่อมั่น NER แนะนำ ”ซื้อ” โตรับอานิสงส์ราคายางเพิ่ม

2024-05-20 10:47:24 202



นิวส์ คอนเน็คท์ - 6 โบรกเกอร์ เชื่อมั่น NER แนะนำ ”ซื้อ” โตรับอานิสงส์จากราคายางเพิ่มขึ้น บล. กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ให้ราคาเป้าหมายที่ 6.51 บาท บล.ดาโอ (ประเทศไทย) ให้ราคา 6.80 บาท ขณะที่ บล.หยวนต้า ชี้ ราคาหุ้นซื้อขายที่ PE ต่ำเพียง 5.8 เท่า คาดเงินปันผลครึ่งปีแรกราว 0.12 บาท/หุ้น และทั้งปีอยู่ที่ 0.45 บาท/หุ้น ให้ผลตอบแทน 8.1%

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเอสแอล เผยแพร่บทวิเคราะห์แนวโน้ม บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์ และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในและต่างประเทศ ระบุว่า ราคายางสูงขึ้น ชดเชยปริมาณการขายที่ลดลง มองรายได้ และกำไรทั้งปีเติบโต และ GPM สูงกว่าปีก่อน โดย 1Q67 ยอดขายและกำไรเติบโตได้ดี แม้ปริมาณขายลดลง แต่ชดเชยได้ด้วย GPM ที่สูงขึ้น และคาดช่วง 2Q67 คาดราคาขายปรับตัวขึ้นอย่างมาก มองปริมาณการขายย่อตัวลง แต่คาด GPM จะสูงกว่า 1Q67

บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ ระบุว่า NER มองปี 2567 อุปทานยางน้อยกว่าปี ก่อนจากเอลนีโญ ซึ่งกว่าอุปทานกลับเป็นปกติเร็วสุดคาดอยู่ปลาย มิ.ย. ทําให้บริษัทมีแผนปรับลดปริมาณขายลงมากกว่า 10% จากที่ตั้งเป้าไว้ 5.1 แสนตัน (เป้าใหม่แจ้งหลังประกาศงบ 2Q67) โดยคาด 3Q67 ยอดขายจะลดลงมากสุดจากอุปทานเข้าสู่ตลาดน้อย ขณะที่ราคาขายยางคาดอยู่แถว 68-77 บาทต่อ กก. จากปีก่อนที่ 50-60 บาท ต่อ กก. ล่าสุด บริษัทตัดสินใจชะลอแผนสร้างโรงงานแห่งที่ 3 อีกครั้งเพื่อดูความเสี่ยง หลังอุปทานยางลดลง แต่มีหลายบริษัทเตรียมสร้างโรงงานผลิตยางในไทยเพิ่ม โดยอย่างเร็วสุดหากมีการสร้างจะ เริ่มปลายปีนี้และคาดจะผลิตได้ 3Q68 (จากเดิมที่คาดจะสร้างเสร็จปลายปีนี้และเริมผลิตต้นปี 68)

บล. กรุงไทย เอ็กซ์สปริง ชี้ กำไรปกติ 1Q24 ดีคามคาด และโมเมนตัมจะดีขึ้นใน 2Q24E คงคำแนะนำ ซื้อ (FV 6.51 บาท) จากความเสี่ยงทางเทคนิคขา ลงที่จำกัด หลังราคาหุ้นปรับลดลงราว 14% เมื่อเราแนะนำ “ขายทำกำไร” หุ้นกลุ่มยางพาราในช่วงกลางเดือน มี.ค. ที่ราคายางท า จุดสูงสุด ขณะที่กำไรปกติ 1Q24 ดีตามคาด และคาดโมเมนตัมกำไร ปกติ 2Q24E จะแข็งแกร่งขึ้น QoQ จากแนวโน้มราคาขายที่คาดจะ สะท้อนราคายางขาขึ้นอย่างเต็มที่ โดยเราคงมุมมองเชิงบวกต่อ ราคายาง-การฟื้นตัวของกำไรปกติในปี 2024E และคาดการเพิ่มขึ้น ปริมาณขายยาง จากการขยายกำลังการผลิต STR จะหนุนการ เติบโตของกำไรปกติในปี 2025-26E (คงมุมมองกำไรโตเฉลี่ย 10% CAGR ในช่วงปี 2024-26E)

บล. ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า 1Q24 ใกล้เคียงคาด, 2Q24E ดีต่อเนื่องอนิสงส์ราคายางสูงขึ้น คงคำแนะนำ “ซื้อ” และราคาเป้าหมาย 6.80 บาท อิง 2024E PER 7x (+0.5SD above 5-yraverage PER) NER รายงานกำไรปกติ 1Q24 ที่ 476 ล้านบาท (+57% YoY, +11% QoQ) ใกล้เคียงเราคาด หลักๆ หนุนโดย 1) ราคาขายยางปรับตัวสูงขึ้นเฉลี่ย +16% YoY, +10% QoQ ตามทิศทางราคายางในตลาด ส่งผลให้ GPM โดยรวมดีขึ้น +190bps YoY, +30bps QoQ และ 2) SG&A อ่อนตัว โดยเราคาดเป็นผลจากค่าขนส่งลดลง เป็นไปตามปริมาณส่งออกชะลอหลังลูกค้าจีนบางส่วนมีการ wait & see และจากปัจจัยฤดูกาล 

โดยคงกำไรปกติปี 2024E ที่ 1.8 พันล้านบาท (+12% YoY) สำหรับ 2Q24E เบื้องต้นคาดการณ์กำไร ปกติจะโตต่อเนื่อง YoY, QoQ ได้ปัจจัยหนุนหลักจากราคาขายที่มีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น +30% YoY, 25% QoQ ช่วยหนุน GPM ขณะที่ ราคาหุ้น outperform SET +23% ใน 6 เดือน แต่กลับมา underperform SET -6% ใน 1 เดือน หลังหุ้นขึ้น XD และราคายางกลับมาชะลอตัว -13% QTD อย่างไรก็ตามราคายางปัจจุบันยังทรงตัวสูง +50% YoY ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนต่อผลการดำเนินงานมากขึ้นตั้งแต่ 2Q24E ขณะที่ยังมี catalyst จากแนวโน้ม GPM มีโอกาสดีกว่าคาด ความคืบหน้าโรงงานใหม่ในปี 2025E และอานิสงส์การขยายตัวของ อุตสาหกรรม EV

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุ 2Q67 ยังเห็นราคาขายเฉลี่ยสูงขึ้น โดย 1Q67 กำไรเติบโต y-y ได้โดดเด่นจากราคายางเฉลี่ยที่สูงขึ้น ราคาขายเฉลี่ยจะยังสูงขึ้นต่อในช่วง 2Q67 แนวโน้มกำไรเติบโต y-y และ q-q และปีนี้อาจขายยางได้ต่ำกว่าเป้า จากภัยแล้งกระทบต่อผลผลิตยาง ธรรมชาติ แต่จะได้ประโยชน์จากด้านราคายางที่สูงขึ้นกว่าปีก่อน ทำให้คาดการณ์กำไรปี 67 ยังเติบโต y-y

ส่วน บล.หยวนต้า ระบุว่า Volume ไม่มาก ... ราคาขายดี ... มี Upside risk โดยผู้บริหารมองว่าปริมาณขายในปี 2567 มีความเสี่ยงต้องปรับเป้าลงจากเดิมที่ 500,000 ตัน ราว15 – 20% เนื่องจากปริมาณยางในตลาดค่อนข้างน้อย ทำให้ปริมาณวัตถุดิบเพื่อนำมาผลิตมี โอกาสขาดแคลน และราคาค่อนข้างดีไม่จำเป็นต้องทำการขายในปริมาณมาก และหันมาทำการตลาดในประเทศมากขึ้นเนื่องจากค่าใช้จ่ายในการขายน้อยกว่า และไม่ต้องไปแย่งกับการขาย ยางจากไอวอรีโคสต์ที่มีราคาต่ำกว่าราว 5%

ยังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการ ยังคงคาด 2Q67 เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี และอาจทำระดับสูงสุดใหม่ได้ ขณะที่ 3Q – 4Q67 แม้อาจไม่ทำระดับสูงสุดใหม่เนื่องจากปริมาณขายยังมีความไม่แน่นอน แต่ราคาขายที่สูงทำให้คาดว่ากำไรปกติจะยังสูงกว่า 1Q67 ได้ ปัจจุบันซื้อขายที่ PER ปี 2567 ต่ำเพียง 5.8 เท่า คาดเงินปันผล 1H67 ราว 0.12 บาท/หุ้น ให้ผลตอบแทน 2.2% และทั้งปีอยู่ที่ 0.45 บาท/หุ้น ให้ผลตอบแทน 8.1%