Phones





IRPC เดินเกมดันผลงานพลิกกำไร ดีมานด์ ABS พุ่งต่อเนื่อง

2024-05-20 18:01:37 112



 
นิวส์ คอนเน็คท์ - IRPC มั่นในผลประกอบการปี 67 พลิกกำไรจากปีก่อนมีผลขาดทุนสุทธิ 2,920 ล้านบาท หลังไตรมาส 1/67 ผลประกอบการกลับมามีกำไรราว 1,540 ล้านบาท รับแรงหนุนจากสเปรดของราคาปิโตรเคมีภัณฑ์ฟื้นตัว รวมถึงความต้องการ ABS เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
 
เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 นายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เปิดเผยว่า ภาพรวมผลประกอบการปี 2567 มั่นใจว่าจะพลิกกลับมามีกำไรได้อีกครั้งหลังจากปี 2566 ที่มีผลขาดทุน 2,920 ล้านบาท โดยผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/2567 กำไรแล้ว 1,540 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการจากส่วนต่างราคาปิโตรเคมีภัณฑ์ (สเปรด) ฟื้นตัว รวมทั้งได้รับปัจจัยบวกจากความต้องการเม็ดพลาสติกคุณภาพสูง (ABS) ซึ่งใช้งานเป็นส่วนประกอบในของใช้หลากหลายชนิด ทั้งในอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ของใช้ในครัวเรือน ขยายตัวมากขึ้น
 
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นมาเป็น 100% ตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/2567 ไปถึงไตรมาส 3/2567 จากปัจจุบันใช้กำลังผลิตเพียง 40% จากกำลังการผลิตที่มีอยู่ 1.8 แสนตันต่อปี ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศ 60% และ ในประเทศ 40% โดยคาดว่าหากมีการย้ายฐานการผลิตรถ EV เข้ามาในไทยจะทำให้รายได้เติบโตมากขึ้น
 
สำหรับการดำเนินการกลยุทธ์ 5 ปี (2567 - 2571) นั้น บริษัทมีกลยุทธ์สร้างความเข้มแข็งธุรกิจหลัก (Core uplift) โดยธุรกิจปิโตรเลียม บริษัทสามารถผลิตและจำหน่ายน้ำมันสะอาดดีเซลกำมะถันต่ำตามมาตรฐานยูโร 5 ตั้งแต่ ปลายปี 2566 ด้วยกำลังการผลิตประมาณ 93,500 บาร์เรล/วัน ตามแผนกลยุทธ์ “Domestic first" ที่มุ่งขยายสัดส่วนการจำหน่าย น้ำมันในประเทศผ่านเครือข่ายคลังน้ำมันทั่วประเทศ รวมทั้งขยายความร่วมมือกับผู้ค้าน้ำมันในประเทศอีกด้วย
 
ในส่วนของธุรกิจปิโตรเคมี บริษัทเพิ่มสัดส่วนการขายผลิตภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty products) ให้ได้ 38% ภายในปี 2567 และ 50% ในปี 2568 ด้วยกลยุทธ์ “Specialty boost" เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขัน โดยใช้ความก้าวหน้าทาง เทคโนโลยี และประสบการณ์อันยาวนาน โดยมีความสำเร็จในช่วงไตรมาส 1/2567 ประกอบด้วย ธุรกิจท่อและโครงสร้างพื้นฐาน : เม็ดพลาสติก POLIMAXX HDPE 100 RC ใช้ในการผลิตท่อทนต่อแรงดันและรับแรงกระแทกสูง ตามมาตรฐาน EN1555-2021 อายุใช้งานยาวนานถึง 50 ปี สามารถติดตั้งท่อแบบเจาะลอดใต้ผิวดิน ช่วยลดปัญหาการขุดเจาะ และเปิดหน้าดิน ลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการติดตั้ง
 
โดยปัจจุบันบริษัทส่งออกเม็ดพลาสติก POLIMAXX PE100 RC ไปยังหลายภูมิภาค เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แอฟริกาและอินเดีย เป็นต้น เม็ดพลาสติก POLIMAXX PPR ใช้ในการผลิตท่อที่ทนต่อแรงขีดข่วนและแรงดัน ทนต่อสารเคมีได้มากกว่าท่อน้ำประปาทั่วไป มีความปลอดภัยเพราะผลิต จากเทคโนโลยีแบบไร้สารทาเลต (Non Phthalate) เหมาะสำหรับผลิตท่อน้ำร้อนน้ำเย็นในครัวเรือน คอนโด และโรงงาน อุตสาหกรรม สามารถเชื่อมต่อกันระหว่างท่อได้โดยใช้ความร้อน และมีอายุการใช้งานยาวนาน
 
ธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและสุขอนามัย : เม็ดพลาสติก POLIMAXX PP Spunbond และ PP Meltblown (พีพี สปันปอนด์ และ พีพี เมลต์โบลน) สำหรับผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและสุขอนามัย เช่น หน้ากาก N95 ชุดกาวน์ ชุด PPE ผ้าอ้อมเด็กและผู้ใหญ่ รวมถึงแผ่นกรองต่าง ๆ ที่มีความปลอดภัยสูงเพราะไม่มีสารทาเลต (Phthalate free), ธุรกิจยานยนต์ และ อิเล็กทรอนิกส์ : Acetylene Black (ACB) (อะเซทิลีนแบล็ก) ด้วยคุณสมบัติการนำไฟฟ้า ลดไฟฟ้าสถิตย์ ช่วยในการถ่ายเทประจุความร้อน ดูดซึมความชื้นต่ำ มีความบริสุทธิ์สูง สามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย เช่น งานแบตเตอรีในรถยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และระบบกักเก็บพลังงาน (Energy Storage System: ESS) เป็นต้น
 
ธุรกิจสีและสารเคลือบ ธุรกิจสีและสารเคลือบ บริษัท ร่วมกับ บริษัท เบเยอร์ จำกัด พัฒนาผลิตภัณฑ์สี และ สารเคลือบมาตรฐานโลกเป็นครั้งแรกของประเทศ ด้วยส่วนผสม Polytetrafluoroethylene (PTFE) ที่มีคุณสมบัติพิเศษมีความทนทานต่อสภาพอากาศที่รุนแรง ช่วยยืดอายุการใช้งานโครงสร้างเหล็กถึงสามเท่า สำหรับใช้เคลือบโครงสร้างเหล็กในโรงกลั่นน้ำมัน โรงงาน ปิโตรเคมี สนามบิน ท่าเรือและสะพาน เป็นต้น
 
สำหรับความก้าวหน้าในกลยุทธ์การลงทุนแสวงหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ (Step up & Beyond) บริษัทได้ลงทุนใน บริษัท วิสอัพ จำกัด (VISUP) ซึ่งเป็น Incubator/Accelerator ผลักดันนวัตกรรมและเทคโนโลยีของสถาบันวิทยสิริเมธี (VISTEC) ในสัดส่วน 22% โดยมีความสนใจในเทคโนโลยีกลุ่ม Digital Temperature Indicator (DTI) ที่ร่วมกันวิจัยและพัฒนา รวมถึงต่อยอดกับหมึกนำไฟฟ้า (Conductive ink) ของบริษัท โดยประยุกต์ใช้สำหรับบรรจุภัณฑ์อัจฉริยะ สามารถติดตามสินค้า ตรวจสอบสภาพสินค้า และ ให้ข้อมูลแก่ผู้บริโภค